นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวด้วยการให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) นำเงินจากโครงการเอสเอ็มอีทาวเวอร์ มาช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว วงเงิน 5,000 ล้านบาท
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า เอสเอ็มอีแบงก์จะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีขนาดธุรกิจไม่เกิน 200 ล้านบาท รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาการปล่อยกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี มีช่วงการปลอดชำระหนี้เงินต้น 1 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ลบร้อยละ 3 ระยะเวลา 2 ปี และปีที่ 3 จะเป็นไปตามที่เอสเอ็มอีแบงก์กำหนด การปล่อยสินเชื่อดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถใช้บุคคลค้ำประกันไขว้กันได้ หรือการใช้เครื่องจักร อสังหาริมทรัพย์มาค้ำประกันก็ได้ และหากขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ซึ่งได้กำชับเอสเอ็มอีแบงก์พิจารณาคำขอกู้ให้เสร็จภายใน 15 วัน โดยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นคำขอกู้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ และให้สมาคมด้านการท่องเที่ยวทั้ง 8 แห่ง คัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อส่งรายชื่อให้เอสเอ็มอีแบงก์พิจารณาเพื่อความรวดเร็ว ส่วนผู้ประกอบที่ไม่สังกัดสมาคมด้านการท่องเที่ยว ก็สามารถขอกู้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบแนวทางในการรับประกันความเสี่ยงจากการเดินทางเข้ามาในประเทศ โดยกระทรวงการคลังกำลังคัดเลือกบริษัทประกันภัยเอกชนให้เข้ามารับประกันความเสี่ยงของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและเจอกับเหตุจลาจล จะได้รับการประกันภัยเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมนี้ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยความเสียหาย วงเงินประมาณ 200 ล้านบาท ด้วยการประกันภัยจลาจลไม่เกินรายละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากได้รับบาดเจ็บ ไม่มีที่พัก หรือได้รับความเสียหายจากเหตุจลาจลในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีขนาดธุรกิจเกิน 200 ล้านบาท ที่ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล วงเงิน 15,000 ล้านบาทนั้น รัฐบาลกำลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนหรือให้เอสเอ็มอีแบงก์พิจารณาว่ามีวงเงินเพียงพอที่จะปล่อยกู้หรือไม่ ซึ่งรายละเอียดเอสเอ็มอีแบงก์กำลังหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า เอสเอ็มอีแบงก์จะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีขนาดธุรกิจไม่เกิน 200 ล้านบาท รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาการปล่อยกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี มีช่วงการปลอดชำระหนี้เงินต้น 1 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ลบร้อยละ 3 ระยะเวลา 2 ปี และปีที่ 3 จะเป็นไปตามที่เอสเอ็มอีแบงก์กำหนด การปล่อยสินเชื่อดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถใช้บุคคลค้ำประกันไขว้กันได้ หรือการใช้เครื่องจักร อสังหาริมทรัพย์มาค้ำประกันก็ได้ และหากขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ซึ่งได้กำชับเอสเอ็มอีแบงก์พิจารณาคำขอกู้ให้เสร็จภายใน 15 วัน โดยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นคำขอกู้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ และให้สมาคมด้านการท่องเที่ยวทั้ง 8 แห่ง คัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อส่งรายชื่อให้เอสเอ็มอีแบงก์พิจารณาเพื่อความรวดเร็ว ส่วนผู้ประกอบที่ไม่สังกัดสมาคมด้านการท่องเที่ยว ก็สามารถขอกู้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบแนวทางในการรับประกันความเสี่ยงจากการเดินทางเข้ามาในประเทศ โดยกระทรวงการคลังกำลังคัดเลือกบริษัทประกันภัยเอกชนให้เข้ามารับประกันความเสี่ยงของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและเจอกับเหตุจลาจล จะได้รับการประกันภัยเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมนี้ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยความเสียหาย วงเงินประมาณ 200 ล้านบาท ด้วยการประกันภัยจลาจลไม่เกินรายละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากได้รับบาดเจ็บ ไม่มีที่พัก หรือได้รับความเสียหายจากเหตุจลาจลในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีขนาดธุรกิจเกิน 200 ล้านบาท ที่ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล วงเงิน 15,000 ล้านบาทนั้น รัฐบาลกำลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนหรือให้เอสเอ็มอีแบงก์พิจารณาว่ามีวงเงินเพียงพอที่จะปล่อยกู้หรือไม่ ซึ่งรายละเอียดเอสเอ็มอีแบงก์กำลังหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
