นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า เปิดเผยผลสำรวจสภาพคล่องธุรกิจไทยในภาคการเกษตร การค้า การบริการ และการผลิต พบว่า ผู้ประกอบการกว่าร้อยละ 80 ประสบปัญหาสภาพคล่อง และอาจดำเนินธุรกิจต่อไปได้เพียง 8-9 เดือนเท่านั้น โดยสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ชะลอตัว รองลงมาคือ การเข้าถึงสินเชื่อได้ยาก โดยเฉพาะการขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้พบว่าผู้ประกอบการกว่าร้อยละ 60 ใช้เงินกำไรสะสมที่มีอยู่ เพื่อประคับประคองธุรกิจ และจะปลดคนงานเป็นอันดับสุดท้าย แต่หากภายใน 8 เดือนนี้ ธุรกิจยังไม่มีสภาพคล่องเพียงพอ จะส่งผลต่อการจ้างงาน และปลดคนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ผู้ประกอบการเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบแรก จะไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้มากนัก ซึ่งเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบร้อยละ 2 -3 แต่หากรัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ให้เกิดขึ้นได้ ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โตได้ร้อยละ 3-5 ในปี2553 ขณะเดียวกันแนะให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 8 เมษายนนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.5 เพื่อเป็นการกระตุ้น และช่วยเหลือภาคธุรกิจ
ด้านนายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ ควรทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่บ้านเมือง พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการเคลื่อนไหว และก่อความวุ่นวายที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ มิเช่นนั้นทุกอย่าง และมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ออกมาจะไม่เป็นผล และทำให้เกิดปัญหาคนตกงานเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้พบว่าผู้ประกอบการกว่าร้อยละ 60 ใช้เงินกำไรสะสมที่มีอยู่ เพื่อประคับประคองธุรกิจ และจะปลดคนงานเป็นอันดับสุดท้าย แต่หากภายใน 8 เดือนนี้ ธุรกิจยังไม่มีสภาพคล่องเพียงพอ จะส่งผลต่อการจ้างงาน และปลดคนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ผู้ประกอบการเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบแรก จะไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้มากนัก ซึ่งเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบร้อยละ 2 -3 แต่หากรัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ให้เกิดขึ้นได้ ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โตได้ร้อยละ 3-5 ในปี2553 ขณะเดียวกันแนะให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 8 เมษายนนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.5 เพื่อเป็นการกระตุ้น และช่วยเหลือภาคธุรกิจ
ด้านนายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ ควรทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่บ้านเมือง พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการเคลื่อนไหว และก่อความวุ่นวายที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ มิเช่นนั้นทุกอย่าง และมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ออกมาจะไม่เป็นผล และทำให้เกิดปัญหาคนตกงานเพิ่มมากขึ้น