รศ.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า สสส. ได้ประเมินผลการรณรงค์เรื่องภัยจากการสูบบุหรี่ เพื่อลดอิทธิพลของการโฆษณาจูงใจให้สูบบุหรี่ และเพิ่มโฆษณารณรงค์เพื่อสุขภาพมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี พบว่าประชาชนยอมรับ และพร้อมเปลี่ยนแปลงเพื่อสุขภาพหลังจากทราบข้อมูลผ่านการรณรงค์ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 88.9 เห็นว่า การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะและควรมีเขตปลอดบุหรี่ ขณะที่ร้อยละ 86.9 เห็นว่า บ้านควรเป็นเขตปลอดบุหรี่ เพื่อไม่ให้ลูกเลียนแบบพฤติกรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้สื่อรณรงค์ช่วยทำให้กฎหมายต่างๆ มีความเข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับจากประชาชนมากขึ้น โดยประชาสัมพันธ์ที่ประชาชนจดจำมากที่สุดคือ ควันบุหรี่ทำร้ายคนใกล้ชิดร้อยละ 75 ตามด้วยสุขภาพดีต้องปลอดบุหรี่และสุรา และเลิกบุหรี่เพื่อลูกร้อยละ 60 อย่างไรก็ตาม พบว่าบริษัทบุหรี่ข้ามชาติได้ใช้กลยุทธ์โฆษณาแฝงเข้าไปเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนกิจกรรมของเยาวชน ทำเสื้อยืด หมวกเป็นของแจก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำการรณรงค์ให้ผู้รับการสนับสนุนรู้เท่าทันกลเหล่านี้ต่อไปด้วย
รศ.วิลาสินี กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือแม้จำนวนผู้สูบบุหรี่แบบซองจะลดลงจากร้อยละ 58.25 ในปี 2539 เหลือร้อยละ 47.3 ในปี 2547 แต่กลับพบการสูบบุหรี่แบบม้วนเองหรือยาเส้นเพิ่มสูงขึ้น โดยเมื่อ 12 ปีที่แล้ว พบว่าคนไทยสูบบุหรี่ม้วนเองร้อยละ 41.2 แต่เมื่อ 3 - 4 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 49.6 ทั้งนี้ เพราะประเทศไทยยังไม่มีมาตรการควบคุมบุหรี่แบบม้วนเอง โดยเฉพาะมาตรการทางภาษี
รศ.วิลาสินี กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือแม้จำนวนผู้สูบบุหรี่แบบซองจะลดลงจากร้อยละ 58.25 ในปี 2539 เหลือร้อยละ 47.3 ในปี 2547 แต่กลับพบการสูบบุหรี่แบบม้วนเองหรือยาเส้นเพิ่มสูงขึ้น โดยเมื่อ 12 ปีที่แล้ว พบว่าคนไทยสูบบุหรี่ม้วนเองร้อยละ 41.2 แต่เมื่อ 3 - 4 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 49.6 ทั้งนี้ เพราะประเทศไทยยังไม่มีมาตรการควบคุมบุหรี่แบบม้วนเอง โดยเฉพาะมาตรการทางภาษี
