เครือข่ายต้านภัยเอ็กซโปบุหรี่ มอบรายชื่อเฉียด 50,000 คน ค้านจัดงาน Tabinfo Asia 2009 เรียกร้อง “มาร์ค” แสดงจุดยืน เร่งให้ครม.มีมติให้ทุกหน่วยงานของภาครัฐไม่สนับสนุนและไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทบุหรี่ และไม่รับความช่วยเหลือทุกรูบแบบ
วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่โรงแรมสยามซิตี เครือข่ายต้านภัยเอ็กซ์โปบุหรี่ (Thai Network against Tabinfo Asia 2009) ร่วมกับ 476 องค์กร ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวต้านภัยเอ็กซโปบุหรี่ Tabinfo Asia 2009 โดย น.ส.ภัทธิดา คงสมบูรณ์โชค นักเรียนชั้นมัธยมปลาย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยาพุทธมณฑลเป็นตัวแทนเยาวชนแถลงข้อเรียกร้อง และมอบรายชื่อคัดค้านการจัดเอกซ์โปบุหรี่จำนวน 43,944 คน ต่อนายอิสรา สุนทรวัฒน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้แทนนายกรัฐมนตรี
น.ส.ภัทธิดา กล่าวว่า ขอเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า ประเทศไทยคัดค้านการที่อุตสาหกรรมยาสูบใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการวางแผนส่งเสริมและขยายตลาดบุหรี่ โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนและสตรีของเอเชียและของโลก คือ 1.ของให้นายกรัฐมนตรีกำหนดนโยบายให้ทุกหน่วยงานของรับบาล ไม่สนับสนุนและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดงานเอ็กซโปยาสูบครั้งนี้
2.ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณานำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้หน่วยงานของรัฐยึดถือตามแนวปฏิบัติ มาตรา 5.3 อนุสัญญาควบคุมยาสูบองค์การอนามัยโลกซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ที่ข้อตกลงที่สำคัญร่วมกันคือ 1.หน่วยงานของรัฐไม่ร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัทบุหรี่ 2.ห้ามหน่วยงานของรัฐทุกแขนงร่วมความช่วยเหลือไม่ว่ารูปแบบใดๆ จากบริษัทบุหรี่ รวมถึงด้านการศึกษา โครงการที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน และโครงการที่เกี่ยวข้องกับชุมชน และ 3.ห้ามหน่วยงานของรัฐสนับสนุนหรือร่วมกิจกรรมในโครงการเพื่อสังคมของบริษัท
นายอิสรากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปนิวยอกค์ ประเทศ สหรัฐอเมริกา ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก็มีอุตสาหกรรมบุหรี่ต่อว่า นายกรัฐมนตรีที่ไม่ให้ความเป็นธรรมในการจัดงาน Tabinfo Asia 2009 ซึ่งได้ตอบกลับไปว่า สิ่งที่ดีก็คือสิ่งที่ดี การทำธุรกิจก็คือการทำธุรกิจ แต่การกระทำที่จะโน้มนำเยาวชนให้เสพติด เป็นสิ่งไม่ควรกระทำ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่สามารถนำข้อเรียกร้องของเครือข่ายต้านภัยเอ็กซโปบุหรี่ได้ในสัปดาห์นี้ แต่จะพยายามผลักดันให้เข้าสู่ ครม. ในระยะเวลาอันใกล้ โดยไม่ละเลยและจะทำให้ดีที่สุด
ด้าน นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานเครือข่ายต้านภัยเอ็กซ์โปบุหรี่ กล่าวว่า ความเลวร้ายของการจัดการเอ็กซโปบุหรี่ถือเป็นภัยรุกรานประเทศไทยและภูมิภาคอย่างไม่กลัวเกรง ดังนั้น อย่ายอมให้อุตสาหกรรมบุหรี่ข้ามชาติปักธงจัดงานเอ็กซโปบุหรี่นานานชาติที่ในประเทศไทยได้อย่างง่ายๆ ที่ผ่านมาหากเป็นสินค้าประเภทอื่นเข้ามาจัดงานก็ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว แต่บุหรี่ถือเป็นสินค้าฆ่าคนจึงไม่ควรยอมให้เข้ามาในไทย ซึ่งอุตสาหกรรมบุหรี่ถือว่าประเทศไทยเป็นด่านสำคัญที่สุด หากชนะไทยได้ก็จะชนะทั้งโลก
รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปนานนท์ ผู้จัดการเครือข่ายเภสัชศาสตร์เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมบุหรี่กำลังวางแผนฆ่าคนไทยไม่เพียงแต่การจัดนิทรรศการแสดงสินค้าเท่านั้น แต่มีการสร้างเครือข่ายกลยุทธ์ทางการตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งอุตสาหกรรมบุหรี่ข้ามชาติเหล่านี้ไม่มีสิทธิละเมิดการมีสุขภาพดีของคนไทย ทั้งนี้ ได้มีการระดมรายชื่อผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบของคระเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศด้วย
นพ.สมชายโชติ ปิยะวัชร์เวลา เลขาธิการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ขณะนี้ชมรมแพทย์ชนบทสามารถล่ารายชื่อผู้คัดค้านการจัดกิจกรรมเอ็กซโปบุหรี่ได้แล้ว 11,800 กว่ารายชื่อ และคาดว่าจะมีผู้ร่วมคัดค้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการคัดค้านครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าชมรมแพทย์ชนบทจะเฝ้าระวังการดำเนินการต่างๆ ที่ละเมิดต่อมาตรา 5.3 อนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ว่าด้วยการคุ้มครองนโยบายสาธารณะจากอิทธิพลของธุรกิจยาสูบ และผลักดันให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกับการดำเนินการตามมาตรา 5.3 ด้วย โดยการเฝ้าระวัง ทั้งสิ้น 5 ด้าน ประกอบด้วย เฝ้าระวังหน่วยงานของรัฐไม่ให้รับความช่วยเหลือใดๆ จากธุรกิจยาสูบ ทั้งของขวัญ เงินสนับสนุนงานวิจัยต่างๆ เป็นต้น 2.สถานศึกษาไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของธุรกิจยาสูบ 3.เฝ้าระวังในชุมชน ทั้งกลุ่มเยาวชน สตรี งานเทศกาลต่างๆ 4.เฝ้าระวังพรรคการเมือง การสนับสนุนหรือบริจาคเงินให้กับพรรคการเมือง โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น 5.ให้เครือข่ายชุมชนต่างๆ ร่วมเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ทั้ง อสม. ชมรมผู้ป่วยต่างๆ ภาคประชาสังคม เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมนโยบายสาธารณะไม่ให้ธุรกิจยาสูบเข้ามาแทรกแซง
นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า กระบวนการเรียกร้องให้บริษัทข้ามชาติไม่เข้ามาจัดงานคงเป็นไปได้ยากเพราะเลยจุดนั้นมาแล้ว แต่เครือข่ายอยากเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายตามมาตรกา 5.3 ของอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมการบริโภคยาสูบ องค์กรอนามัยโลก ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวยังไม่เคยผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จึงยังไม่มีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งเครือข่ายจะติดตามและขอให้รัฐบาลให้ความใส่ใจเพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้ทันก่อนที่จะมีการจัดงานเอ็กซโปบุหรี่ของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ
“ที่ผ่านมาบางประเทศเริ่มมีกฎหมายห้ามการให้ทุนแก่หน่วยงานของรัฐบาล ราชการต่างๆ เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ แต่ประเทศไทยยังถือเป็นช่องโหว่ของกฎหมาย ทำให้มีการให้ทุนสนับสนุนในกิจกรรมต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะพบการทุนในโรงเรียนต่างๆ ในภาคเหนือ ซึ่งเฉพาะโรงงานยาสูบมีการใช้งบประมาณถึง 200 ล้านบาทต่อปี และส่วนใหญ่จะทำกิจกรรมกับเยาวชน” นพ.ประกิต กล่าว
