“หมอหทัย” เตือนอย่านำโรงงานยาสูบเข้าตลาดหลักทรัพย์ เดินหน้าขอคำชี้แจง ห่วงเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไหร่ บริษัทบุหรี่ข้ามชาติส่งนอมินีฮุบแน่ ส่งผลใช้ทุกวิถีทางขายบุหรี่ ทำให้คนติดบุหรี่มากขึ้น
นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย และประธานภาคีประเทศสมาชิกกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก กล่าวถึงกรณีที่ นายประจวบ ตันตินนท์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบคนใหม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า จะจดทะเบียนโรงงานยาสูบ (ร.ย.ส.) เป็นนิติบุคคลในปี 2552 พร้อมปรับธุรกิจโรงพยาบาลยาสูบขึ้นแท่นโรงพยาบาลชั้นหนึ่งนั้น ว่า เรื่องนี้ต้องมีการชี้แจ้งข้อเท็จจริงให้ชัดเจน เพราะโรงงานยาสูบมีสถานะเป็นนิติบุคคลอยู่แล้ว จึงต้องแจงว่าจะเปลี่ยนเป็นบริษัท (corporatization) ใช่หรือไม่ และหากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัท จะเป็นบริษัทซึ่งรัฐบาลถือหุ้น 100% หรือไม่
“ผมเคยคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ร.ย.ส.เป็นผลสำเร็จในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 แต่มาบัดนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกจึงต้องขอให้แถลงให้ชัดเจน ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัทแล้วรัฐบาลไม่ถือหุ้น 100% และจะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัทบุหรี่ข้ามชาติจะใช้นอมินี ตาสี ตาสา มาซื้อหุ้นไปเป็นของตนจนสุดท้ายจะยึดครองทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศ เมื่อนั้นบริษัทบุหรี่ข้ามชาติก็จะพยายามทำทุกวิธีทาง เพื่อขายบุหรี่ให้เพิ่มมากขึ้น โดยใช้กลเม็ดทั้งบนดินใต้ดิน คนก็จะสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คือ ผู้ทรยศต่อชาติ นำเอกราชทางอุตสาหกรรมยาสูบไปขายให้ข้าศึกศัตรู” นพ.หนัย กล่าว
นพ.หทัย กล่าวต่อว่า โรงงานยาสูบแม้จะเป็นรัฐวิสาหกิจแต่ก็ถือเป็นหน่วยงานหนึ่ง ไม่สามารถที่จะต่อต้านการควบคุมการสูบบุหรี่ที่เป็นนโยบายของชาติได้ แต่หากเป็นของต่างชาติแล้ว จะไม่สามารถควบคุมได้เลย ดังนั้น หากปล่อยให้โรงงานยาสูบเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อใด ก็จะไม่สามารถป้องกันบริษัทบุหรี่ข้ามชาติส่งนอมินีมาซื้อหุ้นได้ ที่สำคัญ ผู้อำนวยการไม่ใช่ผู้ที่กำหนดนโยบายโรงงานยาสูบ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านนโยบายใดๆ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรงงานยาสูบแล้วเท่านั้น
ด้านนายสรกฤษ พลเคน ประธานสหภาพ ร.ย.ส.กล่าวว่า ตนและคณะได้ นพ.หทัย เป็นผู้นำในการต่อสู้เรื่องนี้หลายปีแล้ว ครั้งนี้ตนจะขอเข้าพบ ผอ.คนใหม่เพื่อขอดูโครงการและขอคำชี้แจงจาก ผอ.โดยเร็ว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีความโปร่งใสในทุกขั้นตอน