xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองฉุดหุ้นไทยร่วงลงต่ำสุดในรอบกว่า 19 เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ และราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง ฉุดตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่ำสุดในรอบ 19 เดือน จับตาประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองหากยังไม่ดีขึ้น อาจทำให้ยังคงมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาต่อเนื่อง
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 ก.ย.) ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 645.80 จุด ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.65 จาก 684.44 จุด ในสัปดาห์ก่อน และร่วงลงร้อยละ 24.74 จากสิ้นปี 2550 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.48 จาก 44,869.11 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 50,021.70 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 8,973.82 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 10,004.34 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 234.02 จุด ขยับลงร้อยละ 1.94 จาก 238.65 จุดในสัปดาห์ก่อน และร่วงลงร้อยละ 14.08 จากสิ้นปีก่อน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 11,992.33 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 11,491.04 ล้านบาท และ 501.31 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ การอ่อนค่าของเงินบาท และความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งทำให้มีนักลงทุนเทขายต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ร่วงลง ขณะที่ความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ทำให้มีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนยังมีความระมัดระวังในการซื้อขายค่อนข้างมาก ซึ่งฉุดให้มูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวันมีเพียงกว่า 6 พันล้านบาท ส่วนในวันอังคารดัชนีปิดตลาดลดลง 15.71 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 2.33 โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ทั้งในกลุ่มพลังงานและแบงก์ หลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพมหานครของนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น ดัชนีร่วงลงต่อเนื่องโดยมีแรงเทขายหุ้นพลังงานออกมาอย่างหนัก โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่อย่าง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งนักลงทุนมองว่าน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ในวันพฤหัสบดีสวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง โดยมีแรงซื้อกลับในหุ้นหลักทั้งกลุ่มพลังงานและแบงก์ในการซื้อขายช่วงบ่าย ซึ่งหนุนให้ดัชนีสามารถปิดในแดนบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ หลังจากที่ร่วงลงแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ส่วนในวันศุกร์ ดัชนีร่วงลงร้อยละ1.38 และทำสถิติปิดต่ำสุดในรอบกว่า 19 เดือน ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ร่วงลงในเกณฑ์ร้อยละ 1-2 ขณะที่มีแรงขายทั่วกระดาน โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ทั้งในกลุ่มพลังงาน แบงก์ และสื่อสาร โดยได้รับแรงกดดันจากจากปัจจัยการเมืองในประเทศ และความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (8-12 กันยายน 2551) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า นักลงทุนยังคงต้องจับตาประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศต่อ ซึ่งอาจทำให้ยังคงมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมของกลุ่มโอเปก และการปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ อาทิ ยอดทำสัญญาซื้อขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนสิงหาคม ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 642 และ 600 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 660 และ 674 จุด ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น