xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.หั่นจีดีพีกดดัชนีหุ้นไทยรูดต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - นักลงทุนชะลอซื้อขายหุ้น รอดูทิศทางการเมืองหลังศาลฎีการับคำฟ้องคดีหวยบนดิน มูลค่าการซื้อขายทั้งวันแค่ 8.6 พันล้านบาท โบรกเกอร์ ชี้ตลาดหุ้นไทยซบเซามีสิทธิรูดต่อ หลังแบงก์ชาติประกาศหั่นเป้าจีดีพี เหลือ 4.8-5.8% ขณะที่ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ "ปกรณ์" ยันคดีหวยบนดินไม่กระทบตลาดหุ้น
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28 ก.ค.) ดัชนีค่อนข้างผันผวนอยู่ในแดนลบ ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะนักลงทุนต่างจับตาคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างใกล้ชิด รวมถึงคำพิพากษาคดีหวยบนดินของศาลฎีกา โดยดัชนีตลาดหุ้นลดลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 677.94 จุด สูงสุดที่ 689.24 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 385.53 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.06 จุด คิดเป็น 0.01% มูลค่าการซื้อขายรวม 8,685.41 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงทยอยขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง คือ มียอดขายสุทธิรวม 329.55 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 31.50 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 298.06 ล้านบาท
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง กรณีที่ศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งรับฟ้องคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว ว่า เรื่องดังกล่าวคงไม่มีนัยสำคัญ หรือกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะเชื่อมั่นพื้นฐานเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง และบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี รวมทั้งดัชนีตลาดหุ้นเองคงไม่ปรับลดลงไปมากกว่านี้ หลังจากที่ตั้งแต่ต้นปี 51 ปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า 20%
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ขณะนี้ยังคงเร็วไปที่จะประเมินว่าจะมีผลกระทบหรือสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจึงต้องติดตามดูไปสักระยะหนึ่งก่อน
"ช่วงที่ผ่านมา หุ้นพื้นฐานดีราคาได้ปรับตัวลดลงมาต่ำมากแล้ว แนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นก็คงไม่น่าจะปรับลดลงไปได้มากกว่านี้ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนของไทยยังคงดีอยู่ อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีเกือบ 4.5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก"
นายวรุฒม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ค่อนข้างผันผวนทั้งแดนบวกและแดนลบสลับกัน เนื่องจากได้รับปัจจัยลบจากการเมืองภายในประเทศ เช่น กรณีข้อพิพาทเขาพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชา, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงคดีทางการเมืองอื่นๆ
สำหรับกรณีที่ศาลฎีการับคำฟ้องคดีหวยบนดินนั้น ขณะนี้เรื่องยังไม่ถึงที่สิ้นสุด ต้องรอคำตัดสินชี้ขาดก่อน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมือง และส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์ กดดันให้บรรยากาศการลงทุนค่อนข้างซบเซา
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (29 ก.ค.) คาดว่าดัชนียังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากประเด็นภายในประเทศเป็นหลัก เกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง และส่งกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนสำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นให้ชะลอการลงทุน และถือเงินสดในสัดส่วนมากขึ้น ส่วนนักลงทุนระยะยาว แนะซื้อเมื่ออ่อนตัวในหุ้นพื้นฐานดี ในกลุ่มพลังงาน กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 650 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 690 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลง โดยคาดว่าในปี 2551 จีดีพีไทยจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 4.8-5.8% จากเดิมเมื่อเดือนเม.ย. ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 4.8-6.0% ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มอ่อนแอ จึงส่งผลเชิงจิตวิทยาการลงทุน
"การเมืองไม่ได้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เห็นได้จากกรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งรับคำฟ้องคดีหวยบนดิน หุ้นยังคงนิ่ง แต่เริ่มมาปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ธปท. ลดเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลง"
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับคดีหวยบนดินทั้ง 3 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกรณีที่ศาลฎีการับฟ้องกรณีหวยบนดิน เพราะอย่างน้อยในแง่ของการเมืองก็มีความชัดเจน หลังจากนั้นต้องจับตาการปรับครม. ว่าจะมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
"หุ้นไทยคงจะทรงๆ ตัวทั้งสัปดาห์ เพราะมีคดีการเมืองหลายคดี แต่ภาพรวมเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานตลาดยังมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ เพราะถ้าการเมืองไม่กระทบมากนักด้วยพื้นฐานของตลาด และ P/E ค่อนข้างต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และ Dividend Yield ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่ตลาดซึมซับกับข่าวการเมือง เงินเฟ้อและวิกฤตการเงินของสหรัฐไปค่อนข้างพอสมควรถ้าสถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้รุนแรงและมากนัก ดังนั้นจึงคาดว่าทิศทางตลาดหุ้นโดยรวมน่าจะทรงตัวในแดนบวก รอบตลาดแนวรับที่ 680 และ 670 จุด แนวต้าน 700-710 จุด"
กำลังโหลดความคิดเห็น