เครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารสาธารณะ นำโดยนายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่าย ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือประชาชนเรื่องค่าโดยสาร และบริการของรถ เรือสาธารณะ
นายบุญชัย กล่าวว่า จากการที่มีการพิจารณาขึ้นค่าโดยสารรถและเรือสาธารณะในช่วงปี 2550 จากรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ดังนั้น เครือข่ายจึงต้องคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารตลอด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการประหยัดค่าโดยสาร รวมเป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาท สำหรับข้อเรียกร้องที่ต้องการให้กระทรวงคมนาคมแก้ไข คือ ยับยั้งมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบก ในวันที่ 9 ตุลาคม 2550 และมติคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือสาธารณะประจำทาง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2550 พร้อมขอให้สั่งการให้มีการพิจารณาคืนเงินค่าธรรมเนียมค่าโดยสารรถ บขส.ประมาณ 10,000 ล้านบาท ที่เก็บเกินไปให้ประชาชน รวมถึงแก้ไขคุณภาพและบริการของรถร่วมบริการ ขสมก.อย่างเร่งด่วน เพราะมีการละเมิดประชาชนตลอด และขอไม่ให้ขึ้นค่าโดยสารตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง
นายบุญชัย กล่าวถึงกรณีที่นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร ขอขึ้นค่าโดยสารว่า ก่อนที่ผู้ประกอบการจะขอขึ้นค่าโดยสาร ตนเห็นว่า นางสุจินดา ควรคืนค่าธรรมเนียมที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้ให้กับประชาชนกว่า 10,000 ล้านบาท และต้องการพบและหารือร่วมกับนางสุจินดา เพื่อทราบถึงความจำเป็นของการขึ้นค่าโดยสาร และให้นางสุจินดา รู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชน
ด้าน นางสาวณัฐนิช โชติสรยุทธ ผู้ฟ้องคัดค้านการขึ้นอัตราค่าผ่านทางยกระดับดอนเมือง กล่าวว่า หลังจากได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้มีการคุ้มครองฉุกเฉินกรณีการปรับขึ้นราคาค่าผ่านทาง และวันนี้ (22 ก.พ.) ตนได้ยื่นหนังสือต่อนายสันติ เพื่อเรียกร้องให้กรมทางหลวง และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ร่วมกันแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต และปัญหาการขาดทุนของดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนการที่ทางยกระดับจะขึ้นราคาค่าผ่านทางในปี 2552 แล้วจะทำให้ผู้ใช้รถเลี่ยงการใช้เส้นทาง และส่งผลให้บริษัทขาดทุนเพิ่มมากขึ้นนั้น ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด ทั้งนี้ เห็นว่าการขาดทุนของบริษัทเป็นการลงทุนของผู้ประกอบการ ประชาชนไม่ใช่ผู้ถือหุ้น หากมีกำไร ก็ไม่ได้นำมาแบ่งให้กับประชาชน แต่เมื่อขาดทุนกลับผลักภาระมาให้ประชาชนทั่วไป ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม
นายบุญชัย กล่าวว่า จากการที่มีการพิจารณาขึ้นค่าโดยสารรถและเรือสาธารณะในช่วงปี 2550 จากรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ดังนั้น เครือข่ายจึงต้องคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารตลอด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการประหยัดค่าโดยสาร รวมเป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาท สำหรับข้อเรียกร้องที่ต้องการให้กระทรวงคมนาคมแก้ไข คือ ยับยั้งมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบก ในวันที่ 9 ตุลาคม 2550 และมติคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือสาธารณะประจำทาง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2550 พร้อมขอให้สั่งการให้มีการพิจารณาคืนเงินค่าธรรมเนียมค่าโดยสารรถ บขส.ประมาณ 10,000 ล้านบาท ที่เก็บเกินไปให้ประชาชน รวมถึงแก้ไขคุณภาพและบริการของรถร่วมบริการ ขสมก.อย่างเร่งด่วน เพราะมีการละเมิดประชาชนตลอด และขอไม่ให้ขึ้นค่าโดยสารตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง
นายบุญชัย กล่าวถึงกรณีที่นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร ขอขึ้นค่าโดยสารว่า ก่อนที่ผู้ประกอบการจะขอขึ้นค่าโดยสาร ตนเห็นว่า นางสุจินดา ควรคืนค่าธรรมเนียมที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้ให้กับประชาชนกว่า 10,000 ล้านบาท และต้องการพบและหารือร่วมกับนางสุจินดา เพื่อทราบถึงความจำเป็นของการขึ้นค่าโดยสาร และให้นางสุจินดา รู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชน
ด้าน นางสาวณัฐนิช โชติสรยุทธ ผู้ฟ้องคัดค้านการขึ้นอัตราค่าผ่านทางยกระดับดอนเมือง กล่าวว่า หลังจากได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้มีการคุ้มครองฉุกเฉินกรณีการปรับขึ้นราคาค่าผ่านทาง และวันนี้ (22 ก.พ.) ตนได้ยื่นหนังสือต่อนายสันติ เพื่อเรียกร้องให้กรมทางหลวง และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ร่วมกันแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต และปัญหาการขาดทุนของดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนการที่ทางยกระดับจะขึ้นราคาค่าผ่านทางในปี 2552 แล้วจะทำให้ผู้ใช้รถเลี่ยงการใช้เส้นทาง และส่งผลให้บริษัทขาดทุนเพิ่มมากขึ้นนั้น ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด ทั้งนี้ เห็นว่าการขาดทุนของบริษัทเป็นการลงทุนของผู้ประกอบการ ประชาชนไม่ใช่ผู้ถือหุ้น หากมีกำไร ก็ไม่ได้นำมาแบ่งให้กับประชาชน แต่เมื่อขาดทุนกลับผลักภาระมาให้ประชาชนทั่วไป ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม