ASTVผู้จัดการรายวัน-โทลล์เวย์เตรียมขึ้นค่าผ่านทางตลอดสายจาก 55 บาทเป็น 85 บาท เริ่ม 22 ธ.ค.นี้ ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานปรับใหม่ ที่แลกกับการยกเลิกการฟ้องร้องกรณีรัฐสร้าง Local Road และบีบห้ามขึ้นค่าผ่านทางก่อนหน้านี้จนหนี้ท่วม กรมทางหลวงเพิ่งตื่นเตรียมเจรจาขอชะลอช่วยลดภาระประชาชน “สมบัติ” สบช่องขอเพิ่มอายุสัมปทานแลก ประเมินคนใช้ทางลดลงแน่นอน
นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นค่าผ่านทางของบริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ในวันที่ 22 ธ.ค. 2552 นี้ เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งมีเงื่อนไขระบุไว้ ให้ปรับขึ้นตามระยะทาง โดยในช่วงดินแดง-ดอนเมือง จะปรับจาก 35 บาท เป็น 60 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถานปรับจาก 20 บาทเป็น 25 บาท ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นค่าผ่านทางอัตราที่สูง และจะเป็นภาระกับผู้ใช้ทาง ดังนั้น กรมทางหลวงจะเจรจากับดอนเมืองโทลล์เวย์เพื่อขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทาง หรือลดสัดส่วนในการปรับขึ้นค่าผ่านทางลง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเจรจาก่อนถึงกำหนดวันที่ต้องปรับค่าผ่านทางวันที่ 22 ธ.ค.นี้
นายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าผ่านทางในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เป็นเงื่อนไขในสัญญาสัมปทาน ซึ่งจะต้องดำเนินการ โดยขณะนี้ บริษัทเริ่มประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับค่าผ่านทางขึ้นจาก 55 บาทเป็น 85 บาท ตลอดเส้นทางสำหรับรถ 4ล้อนั้น เป็นสัดส่วนที่สูง
จึงเชื่อว่าจะส่งผลทำให้ปริมาณผู้ใช้ทางลดลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ปัจจุบันประชาชนมีทางเลือกในการใช้เส้นทางอื่นๆ ด้วย
“อัตราค่าผ่านทางของดอนเมืองโทลล์เวย์ขณะนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าผ่านทางของทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ก็ไม่ได้สูงเกินไป แต่เมื่อปรับขึ้นแล้ว คงจะต้องมีการประเมินอีกครั้งว่าจะมีผลต่อปริมาณจำนวนรถที่ใช้ทางอย่างไร โดยปัจจุบันดอนเมืองโทลล์เวย์มีปริมาณจราจรในช่วงดินแดง-ดอนเมือง ประมาณ 80,000 คันต่อวันและช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน ประมาณ 20,000 คันต่อวัน”นายสมบัติกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่กรมทางหลวงจะขอเจรจาให้ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทางหรือลดสัดส่วนในการปรับขึ้นค่าผ่านทางนั้น นายสมบัติกล่าวว่า หากมีการเจรจาบริษัทสนใจแนวทางที่จะขยายอายุสัมปทานออกไป เพื่อแลกกับชะลอการขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้ แต่ก็คงต้องรอว่ากรมทางหลวงจะมีข้อเสนอให้บริษัทอย่างไร
สำหรับการปรับขึ้นค่าผ่านทางของดอนเมืองโทลล์เวย์ครั้งนี้ เป็นผลมาจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานเมื่อปี 2550 ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัททางยกระดับดอนเมือง ผู้รับสัมปทานโครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งมีการขยายอายุสัมปทานโครงการออกไปอีก11 ปี ทำให้มีอายุสัญญาสัมปทานใหม่เป็น 27 ปี จากเดิมที่เหลืออยู่ 16 ปี โดยจะครบอายุสัมปทานในปี 2577 เพื่อชดเชยการขาดทุนของบริษัทที่มีหนี้สูงถึง 1.4 พันล้านบาท เนื่องจากมีการก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ (Local Road) และจากการขาดทุนที่รัฐบาลให้เก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ทำให้บริษัทต้องประสบภาวะขาดทุน
ก่อนหน้านี้ ทางโทลล์เวย์ได้เคยฟ้องกรมทางหลวง เรียกค่าเสียหายมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยระบุว่ากรมทางหลวงผิดสัญญาที่ได้มีการก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟไม่อนุมัติปรับขึ้นค่าผ่านทางในอดีต การก่อสร้างทางเบี่ยงบนถนนวิภาวดี-รังสิต การก่อสร้างสะพานลอยที่แยกสุทธิสารบนถนนวิภาวดี-รังสิต การย้ายสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น
นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นค่าผ่านทางของบริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ในวันที่ 22 ธ.ค. 2552 นี้ เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งมีเงื่อนไขระบุไว้ ให้ปรับขึ้นตามระยะทาง โดยในช่วงดินแดง-ดอนเมือง จะปรับจาก 35 บาท เป็น 60 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถานปรับจาก 20 บาทเป็น 25 บาท ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นค่าผ่านทางอัตราที่สูง และจะเป็นภาระกับผู้ใช้ทาง ดังนั้น กรมทางหลวงจะเจรจากับดอนเมืองโทลล์เวย์เพื่อขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทาง หรือลดสัดส่วนในการปรับขึ้นค่าผ่านทางลง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเจรจาก่อนถึงกำหนดวันที่ต้องปรับค่าผ่านทางวันที่ 22 ธ.ค.นี้
นายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าผ่านทางในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เป็นเงื่อนไขในสัญญาสัมปทาน ซึ่งจะต้องดำเนินการ โดยขณะนี้ บริษัทเริ่มประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับค่าผ่านทางขึ้นจาก 55 บาทเป็น 85 บาท ตลอดเส้นทางสำหรับรถ 4ล้อนั้น เป็นสัดส่วนที่สูง
จึงเชื่อว่าจะส่งผลทำให้ปริมาณผู้ใช้ทางลดลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ปัจจุบันประชาชนมีทางเลือกในการใช้เส้นทางอื่นๆ ด้วย
“อัตราค่าผ่านทางของดอนเมืองโทลล์เวย์ขณะนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าผ่านทางของทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ก็ไม่ได้สูงเกินไป แต่เมื่อปรับขึ้นแล้ว คงจะต้องมีการประเมินอีกครั้งว่าจะมีผลต่อปริมาณจำนวนรถที่ใช้ทางอย่างไร โดยปัจจุบันดอนเมืองโทลล์เวย์มีปริมาณจราจรในช่วงดินแดง-ดอนเมือง ประมาณ 80,000 คันต่อวันและช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน ประมาณ 20,000 คันต่อวัน”นายสมบัติกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่กรมทางหลวงจะขอเจรจาให้ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทางหรือลดสัดส่วนในการปรับขึ้นค่าผ่านทางนั้น นายสมบัติกล่าวว่า หากมีการเจรจาบริษัทสนใจแนวทางที่จะขยายอายุสัมปทานออกไป เพื่อแลกกับชะลอการขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้ แต่ก็คงต้องรอว่ากรมทางหลวงจะมีข้อเสนอให้บริษัทอย่างไร
สำหรับการปรับขึ้นค่าผ่านทางของดอนเมืองโทลล์เวย์ครั้งนี้ เป็นผลมาจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานเมื่อปี 2550 ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัททางยกระดับดอนเมือง ผู้รับสัมปทานโครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งมีการขยายอายุสัมปทานโครงการออกไปอีก11 ปี ทำให้มีอายุสัญญาสัมปทานใหม่เป็น 27 ปี จากเดิมที่เหลืออยู่ 16 ปี โดยจะครบอายุสัมปทานในปี 2577 เพื่อชดเชยการขาดทุนของบริษัทที่มีหนี้สูงถึง 1.4 พันล้านบาท เนื่องจากมีการก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ (Local Road) และจากการขาดทุนที่รัฐบาลให้เก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ทำให้บริษัทต้องประสบภาวะขาดทุน
ก่อนหน้านี้ ทางโทลล์เวย์ได้เคยฟ้องกรมทางหลวง เรียกค่าเสียหายมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยระบุว่ากรมทางหลวงผิดสัญญาที่ได้มีการก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟไม่อนุมัติปรับขึ้นค่าผ่านทางในอดีต การก่อสร้างทางเบี่ยงบนถนนวิภาวดี-รังสิต การก่อสร้างสะพานลอยที่แยกสุทธิสารบนถนนวิภาวดี-รังสิต การย้ายสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น
