สหภาพฯ กทพ. ออกโรงคัดค้าน ต่อสัญญาสัมปทาน ทางด่วนขั้นที่ 2 โดยไม่เปิดประมูล แฉบอร์ดกทพ.เร่งรีบอนุมัติ ดันเข้าครม.วันนี้ (9 ก.ย.) ทำกทพ.เสียหาย สมประโยชน์ หลัง"โกร่ง"นั่งที่ปรึกษาศก. ประธานบอร์ดกทพ.เตรียมนั่งเก้าอี้ปลัดคมนาคม วงในเผย บีอีซีแอลแก้เกม เปิดโต๊ะเจรจาแลกผลประโยชน์ หลังข่าวรั่ว กทพ.มีสิทธิ์ชนะข้อพิพาทชั้นฎีกา
นายศราวธ ศรีพยัคฆ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า สหภาพฯ กทพ.จะเคลื่อนไหวคัดค้านกรณีที่คณะกรรมการกทพ.ที่มีนายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 5 ก.ย.51 ต่อสัญญาสัมปทานโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางด่วนศรีรัช) กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีซีแอล ในอัตราร้อยละ 40 อีก 8 ปี 10 เดือน จากที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในเดือนก.พ. 2563 เพื่อยุติข้อพิพาทกรณีที่บีอีซีแอลพ้องร้องกทพ.เรื่องการปรับค่าผ่านทางที่ไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่งข้อพิพาทดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาและการต่อสัญญาโดยไม่เปิดประมูลใหม่ เป็นการดำเนินการที่ทำให้กทพ. เสียประโยชน์ และบอร์ดมีการพิจารณาอย่างเร่งรีบ โดยจะมีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดอุดรธานี ของให้ความเห็นชอบในวันนี้ (9 ก.ย.) ด้วย
นายศราวุธกล่าวว่า เบื้องต้น สหภาพฯ กทพ.จะดำเนินการติดป้ายประท้วงกรณีดังกล่าวเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ และวันนี้ (9ก.ย.) จะมีการประชุมสหภาพฯ เพื่อกำหนดแนวทางในการคัดค้าน ซึ่งจะมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะท่าทีของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอร์ดกทพ. รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากมีประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนกัน กรณีทีนายวีระพงษ์ รามางกูร ซึ่งเป็นประธานกรรมการ บีอีซีแอลลมาเป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาล การแต่งตั้งนายสุรชัย ซึ่งเป็นประธานบอร์ดกทพ. จากรองปลัดกระทรวงคมนาคมขึ้นเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม
นายศราวุธกล่าวว่า บีอีซีแอลมีหนังสือขอเปิดเจรจาเพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2551 ซึ่งบอร์ดได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาและสรุปภายใน 1 เดือน และเสนอที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบทั้งที่ ข้อพิพาทดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา และใกล้เวลาที่ศาลจะนัดแถลง
ซึ่งกรณีข้อพิพาทที่บีอีซีแอลฟ้องร้องกทพ.ในประเด็นการปรับค่าผ่านทางในปี 2541,2546และ 2551 ที่ไม่เป็นไปตามกำหนดในสัญญาทำให้บีอีซีแอลสูญรายได้ 78,955 ล้านบาท ส่วนกทพ.ประเมินความเสียหายที่ 48,508 ล้านบาท และล่าสุดได้สรุปความเสียหายที่ 78,350 ล้านบาทนั้น เป็นเรื่องทางคดีความ ไม่ควรนำเรื่องการขยายสัญญาสัมปทานเข้าไปรวมเพราะเป็นการสร้างความเสียหายให้รัฐ และมติบอร์ดดังกล่าวเป็นการยอมรับการประเมินความเสียหายดังกล่าวอีกด้วย และยังไม่มีการวิเคราะห์รายได้ที่กทพ.จะได้รับหากมีการเปิดประมูลใหม่หลังสัญญาสัมปทานกับบีอีซีแอลหมดอายุ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องไม่มีการเปรียบเทียบ ข้อมูล ตัวเลขและไม่เปิดให้มีการแข่งขันตามหลักมาตรฐานสากล
แหล่งข่าวจากกทพ.กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ บีอีซีแอลไม่มีท่าทีที่จะเจรจา แต่หลังจากมีกระแสข่าวออกมาว่ากทพ.มีโอกาสที่จะชนะคดีในชั้นศาลฎีกา ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ นายวีระพงษ์ ได้เข้ามาเป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้มีการเปิดเจรจาในเรื่องดังกล่าวและกระทำกันอย่างเร่งรีบอย่างมาก
นายศราวธ ศรีพยัคฆ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า สหภาพฯ กทพ.จะเคลื่อนไหวคัดค้านกรณีที่คณะกรรมการกทพ.ที่มีนายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 5 ก.ย.51 ต่อสัญญาสัมปทานโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางด่วนศรีรัช) กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีซีแอล ในอัตราร้อยละ 40 อีก 8 ปี 10 เดือน จากที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในเดือนก.พ. 2563 เพื่อยุติข้อพิพาทกรณีที่บีอีซีแอลพ้องร้องกทพ.เรื่องการปรับค่าผ่านทางที่ไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่งข้อพิพาทดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาและการต่อสัญญาโดยไม่เปิดประมูลใหม่ เป็นการดำเนินการที่ทำให้กทพ. เสียประโยชน์ และบอร์ดมีการพิจารณาอย่างเร่งรีบ โดยจะมีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดอุดรธานี ของให้ความเห็นชอบในวันนี้ (9 ก.ย.) ด้วย
นายศราวุธกล่าวว่า เบื้องต้น สหภาพฯ กทพ.จะดำเนินการติดป้ายประท้วงกรณีดังกล่าวเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ และวันนี้ (9ก.ย.) จะมีการประชุมสหภาพฯ เพื่อกำหนดแนวทางในการคัดค้าน ซึ่งจะมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะท่าทีของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอร์ดกทพ. รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากมีประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนกัน กรณีทีนายวีระพงษ์ รามางกูร ซึ่งเป็นประธานกรรมการ บีอีซีแอลลมาเป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาล การแต่งตั้งนายสุรชัย ซึ่งเป็นประธานบอร์ดกทพ. จากรองปลัดกระทรวงคมนาคมขึ้นเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม
นายศราวุธกล่าวว่า บีอีซีแอลมีหนังสือขอเปิดเจรจาเพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2551 ซึ่งบอร์ดได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาและสรุปภายใน 1 เดือน และเสนอที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบทั้งที่ ข้อพิพาทดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา และใกล้เวลาที่ศาลจะนัดแถลง
ซึ่งกรณีข้อพิพาทที่บีอีซีแอลฟ้องร้องกทพ.ในประเด็นการปรับค่าผ่านทางในปี 2541,2546และ 2551 ที่ไม่เป็นไปตามกำหนดในสัญญาทำให้บีอีซีแอลสูญรายได้ 78,955 ล้านบาท ส่วนกทพ.ประเมินความเสียหายที่ 48,508 ล้านบาท และล่าสุดได้สรุปความเสียหายที่ 78,350 ล้านบาทนั้น เป็นเรื่องทางคดีความ ไม่ควรนำเรื่องการขยายสัญญาสัมปทานเข้าไปรวมเพราะเป็นการสร้างความเสียหายให้รัฐ และมติบอร์ดดังกล่าวเป็นการยอมรับการประเมินความเสียหายดังกล่าวอีกด้วย และยังไม่มีการวิเคราะห์รายได้ที่กทพ.จะได้รับหากมีการเปิดประมูลใหม่หลังสัญญาสัมปทานกับบีอีซีแอลหมดอายุ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องไม่มีการเปรียบเทียบ ข้อมูล ตัวเลขและไม่เปิดให้มีการแข่งขันตามหลักมาตรฐานสากล
แหล่งข่าวจากกทพ.กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ บีอีซีแอลไม่มีท่าทีที่จะเจรจา แต่หลังจากมีกระแสข่าวออกมาว่ากทพ.มีโอกาสที่จะชนะคดีในชั้นศาลฎีกา ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ นายวีระพงษ์ ได้เข้ามาเป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้มีการเปิดเจรจาในเรื่องดังกล่าวและกระทำกันอย่างเร่งรีบอย่างมาก
