ผู้จัดการรายวัน-สหภาพฯ กทพ.ประท้วงขับไล่บอร์ด ที่ทำให้กทพ.เสียประโยชน์จากการชดเชยให้บีอีซีแอล ขณะที่บอร์ดยันมติชดเชย 1.8 หมื่นบาทยังไม่ใช่ข้อยุติ นัดชี้แจงทำความเข้าใจพนักงานสัปดาห์หน้า ก่อนตัดสินใจลาออกหรือไม่
วานนี้ (25 ก.ย.) พนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)ที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. กว่า 300 คน ได้รวมตัวกันที่หน้าอาคารสำนักงานกทพ. บางเขน เพื่อประท้วงให้คณะกรรมการ กทพ. ที่มีนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ก่อนที่บอร์ดกทพ.จะมีการประชุมเพื่อให้บอร์ดแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ทั้งนี้เนื่องจากกรณีที่บอร์ดมีมติชดเชยให้บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล ซึ่งทำให้กทพ.เสียประโยชน์ โดยพนักงานได้สลายการชุมนุมในเวลาประมาณ 13.30น.และนัดรวมตัวกันเพื่อขับไล่บอร์ดอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
นายศราวุฒิ ศรีพยัคฆ์ ประธานสหภาพฯ กทพ. กล่าวว่า บอร์ด กทพ.หมดความชอบธรรมที่จะทำงานต่อไป กรณีเนื่องจากได้มีการขยายเวลาในการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือทางด่วนศรีรัชให้บีอีซีแอล 40 % หลังหมดสัญญาต่อไปอีก 8 ปี 10 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาทที่บีอีซีแอลฟ้องร้อง กทพ. ที่ปรับค่าผ่านทางไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาและเห็นว่า กทพ.มีโอกาสชนะคดี
นายเผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์ ผู้ว่าฯ กทพ.ได้ทำหนังสือเชิญฝ่ายบริหารรับฟังการชี้แจงกรณีดังกล่าวในวันนี้ (26 ก.ย.) และเชิญพนักงานระดับล่างรับฟังการชี้แจงในวันที่ 29 ก.ย. ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ประธานบอร์ดกทพ.กล่าวว่า บอร์ดต้องการชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับสหภาพฯกทพ.ภายในสัปดาห์หน้า ว่าข้อเสนอและมติครม.ยังไม่ใช่ข้อยุติที่กทพ.ต้องชดเชยให้บีอีซีแอล เพียงแต่เป็นแนวทางที่จะนำไปเจรจาเพื่อลดความเสี่ยงและบอร์ดได้มีมติเพิ่มเติมให้กทพ.หารือกับกฤษฎีกาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนข้อกฎหมาย ด้วย
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า มติครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ย.51 เป็นการเห็นชอบในหลักการในการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งกรณีที่กทพ.ถูก บีอีซีแอลซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานฟ้อง เพื่อหาข้อยุติที่เป็นธรรม และลดความเสี่ยงโดยกำชับว่าต้องปรึกษาอัยการสูงสูงในแง่ข้อกฎหมายด้วย และเมื่อได้ข้อสรุปจากการเจรจาก็ให้นำเสนอครม.อีกครั้ง เพราะไม่สามารถทราบว่าศาลจะตัดสินออกมาเป็นบวกหรือลบกับกทพ. เนื่องจากผลในชั้นอนุญาโตตุลาการและศาลชั้นต้นกทพ.เป็นฝ่ายแพ้มาแล้ว ส่วนจะต้องเจรจาได้ข้อยุติก่อนที่ศาลจะตัดสินหรือไม่ คงไม่สามารถบอกได้ เพราะศาลมีกระบวนการและขั้นตอน ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้
วานนี้ (25 ก.ย.) พนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)ที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. กว่า 300 คน ได้รวมตัวกันที่หน้าอาคารสำนักงานกทพ. บางเขน เพื่อประท้วงให้คณะกรรมการ กทพ. ที่มีนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ก่อนที่บอร์ดกทพ.จะมีการประชุมเพื่อให้บอร์ดแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ทั้งนี้เนื่องจากกรณีที่บอร์ดมีมติชดเชยให้บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล ซึ่งทำให้กทพ.เสียประโยชน์ โดยพนักงานได้สลายการชุมนุมในเวลาประมาณ 13.30น.และนัดรวมตัวกันเพื่อขับไล่บอร์ดอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
นายศราวุฒิ ศรีพยัคฆ์ ประธานสหภาพฯ กทพ. กล่าวว่า บอร์ด กทพ.หมดความชอบธรรมที่จะทำงานต่อไป กรณีเนื่องจากได้มีการขยายเวลาในการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือทางด่วนศรีรัชให้บีอีซีแอล 40 % หลังหมดสัญญาต่อไปอีก 8 ปี 10 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาทที่บีอีซีแอลฟ้องร้อง กทพ. ที่ปรับค่าผ่านทางไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาและเห็นว่า กทพ.มีโอกาสชนะคดี
นายเผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์ ผู้ว่าฯ กทพ.ได้ทำหนังสือเชิญฝ่ายบริหารรับฟังการชี้แจงกรณีดังกล่าวในวันนี้ (26 ก.ย.) และเชิญพนักงานระดับล่างรับฟังการชี้แจงในวันที่ 29 ก.ย. ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ประธานบอร์ดกทพ.กล่าวว่า บอร์ดต้องการชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับสหภาพฯกทพ.ภายในสัปดาห์หน้า ว่าข้อเสนอและมติครม.ยังไม่ใช่ข้อยุติที่กทพ.ต้องชดเชยให้บีอีซีแอล เพียงแต่เป็นแนวทางที่จะนำไปเจรจาเพื่อลดความเสี่ยงและบอร์ดได้มีมติเพิ่มเติมให้กทพ.หารือกับกฤษฎีกาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนข้อกฎหมาย ด้วย
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า มติครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ย.51 เป็นการเห็นชอบในหลักการในการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งกรณีที่กทพ.ถูก บีอีซีแอลซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานฟ้อง เพื่อหาข้อยุติที่เป็นธรรม และลดความเสี่ยงโดยกำชับว่าต้องปรึกษาอัยการสูงสูงในแง่ข้อกฎหมายด้วย และเมื่อได้ข้อสรุปจากการเจรจาก็ให้นำเสนอครม.อีกครั้ง เพราะไม่สามารถทราบว่าศาลจะตัดสินออกมาเป็นบวกหรือลบกับกทพ. เนื่องจากผลในชั้นอนุญาโตตุลาการและศาลชั้นต้นกทพ.เป็นฝ่ายแพ้มาแล้ว ส่วนจะต้องเจรจาได้ข้อยุติก่อนที่ศาลจะตัดสินหรือไม่ คงไม่สามารถบอกได้ เพราะศาลมีกระบวนการและขั้นตอน ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้