Youtube :Travel MGR
เพราะอากาศโลกเปลี่ยนแปลงบ่อย
ฤดูหนาวครั้งนี้ (62-63) จึงเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ ส่งผลให้ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ในสถานที่ต่าง ๆ พร้อมใจกันออกดอกบานชมพูสะพรั่งเร็วๆ กว่าปกติประมาณ 1 เดือน โดยจากเดิมที่มักจะบานเต็มที่ในช่วงหลังปีใหม่ราวปลายเดือนมกราคม-ต้นกุมภาพันธ์
แต่หนาวนี้ดอกนางพญาเสือโคร่งทั่วไทย เริ่มทยอยออกดอกเบ่งบานกันตั้งแต่ช่วงกลาง-ปลายธันวาคม ทำให้ตอนนี้ (สัปดาห์แรกของปีใหม่ 2563) ดอกนางพญาเสือโคร่งในหลายพื้นที่ต่างออกดอกผลิบานสวยงาม บางพื้นที่ตอนนี้บานแล้วกว่าครึ่ง ส่วนบางพื้นที่ตอนนี้บานเต็ม 100 % ย้อมบริเวณนั้นให้เป็นสีชมพูสะพรั่ง
สำหรับนางพญาเสือโคร่งเป็นต้นไม้ที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นซากุระของประเทศญี่ปุ่น คือ วงศ์กุหลาบ (Rosaceae) อยู่ในสกุล Prunus เช่นเดียวกับต้นเชอร์รี แอปริคอต พลัม แอปเปิลท้อ และ สาลี่ ซึ่งเป็นพรรณไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น
ต้นนางพญาเสือโคร่งมักจะขึ้นตามไหล่เขา หรือบนสันเขา บริเวณเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ที่มีอากาศหนาวเย็น พบมากในภาคเหนือและอีสาน ทั้งตามธรรมชาติและตามแหล่งปลูกต่าง ๆ
ยามเมื่อนางพญาเสือโคร่งพร้อมใจกันออกดอกผลิบานเป็นสีชมพูสะพรั่ง จะดูงดงามโรแมนติก ทำให้ดอกนางพญาเสือโคร่งได้รับฉายาว่า “ซากุระเมืองไทย” ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในช่วงฤดูหนาว ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมชมชอบกันเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ระยะการบานของดอกนางพญาเสือโคร่งนั้นจะอยู่ในราว 1-2 สัปดาห์ก่อนจะเริ่มร่วงโรย ดังนั้นหน้าหนาวนี้ที่ใครที่อยากจะเดินทางไปชมความงามชองซากุระเมืองไทย ก็ต้องรีบวางแผนเดินทางขึ้นไปชมความงามกันเลย
สำหรับจุดชมซากุระเมืองไทย ปัจจุบันนั้นก็มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน และนี่ก็เป็น “12 จุดไฮไลท์ ชมซากุระเมืองไทย” อันงดงามน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งแต่ละที่ต่างก็จัดว่าเด็ด ๆ ทั้งนั้น
1.ดอยอ่างขาง : เชียงใหม่
ดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ : ดอยอ่างขางมีไฮไลท์จุดชมซากุระอยู่ที่ “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” ซึ่งนอกจากนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยแล้วก็ยังมี “ซากุระญี่ปุ่น” ที่ทางมูลนิธิโครงการหลวงได้นำต้นซากุระญี่ปุ่นเข้ามาปลูก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และ “เชอร์รีไต้หวัน” ซึ่งเริ่มปลูกเมื่อปี 2551
ปัจจุบันภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางปลูกต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันไปแล้วจำนวนกว่า 5,000 ต้น โดยใช้การเพาะเมล็ดเป็นวิธีขยายพันธุ์
ในช่วงฤดูหนาวของทุกปีดอกนางพญาเสือโคร่ง ซากุระญี่ปุ่น และเชอร์รีไต้หวันจะออกดอกให้ได้ชมตามจุดต่าง ๆ ภายในสถานีฯ อ่างขาง อาทิ ภายในสวน 80 ด้านหน้าอาคารสโมสรอ่างขาง สวนแปดสิบ สวนกุหลาบอังกฤษ สวนสมเด็จ และตลอดเส้นทางเดินรถขาออกฝั่งโรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักสถานีฯ อ่างขาง
นอกจากนี้บริเวณริมถนนทางขึ้นไปสู่สถานีเกษตรฯ อ่างขางก็ยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งสูงใหญ่ที่ออกดอกสีชมพูหวานริมถนนสองข้างทางเป็นดังอุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่งอันสวยงาม รวมถึงตามไหล่เขาซอยข้างตลาดขายของหน้าสถานีเกษตรฯ อ่างขางก็มีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูสวยงามอยู่ทั่วไป
2.ดอยอินทนท์ : เชียงใหม่
ดอยอินทนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ : บนพื้นที่ดอยสูงที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้ มีสถานที่ให้เที่ยวชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งอยู่หลายจุดด้วยกัน นำโดยไฮไลท์ที่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์” ที่ตั้งอยู่ที่ บ้านขุนกลาง ต.บ้านหลวง ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บนเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ นอกจากจะเป็นศูนย์วิจัยและเพาะพันธุ์รองเท้านารีหายากหลากสายพันธุ์แล้ว ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานเป็นสีชมพูสดใส ซึ่งมีทั้งที่บานเด่นอยู่ริมโค้งใกล้ทางเข้าศูนย์ฯ และริมสระน้ำที่ออกดอกสีชมพูตัดกับผืนป่าสนสีเขียวสด ดูสวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้บนดอยอินทนนท์ ยังมีจุดชวนชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่เด่น ๆ อีก อาทิ “พระตำหนักดอยผาตั้ง” ดอกนางพญาเสือโคร่งที่นี่จะบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ สลับกับต้นเมเปิ้ลและสวนไม้ดอกเมืองหนาวต่าง ๆ, “ริมทางถนนจอมทอง-อินทนนท์ ช่วง กม.29-32” เป็นช่วงถนนที่มีดอกนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ริมข้างทาง ซึ่งแม้ว่าจะมีการทำที่จอดรถและจุดชมซากุระเมืองไทยไว้ให้ แต่ใครที่จะลงไปถ่ายรูป เซลฟี่ ก็ต้องระวังรถราที่วิ่งไป-มา ให้ดี
“สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์” และ “บ้านม้งขุนกลาง” ถือเป็นอีก 2 จุดที่สามารถชมดอกนางพญาเสือโคร่งได้อย่างจุใจ โดยระหว่างทางตั้งแต่บ้านขุนกลาง สามารถชมดอกนางพญาเสือโคร่งได้ทั่วหมู่บ้าน รวมถึงบริเวณม่อนดอยชัวร์ญ่าวิวสวย และม่อนอิงฟ้า อีกทั้งบริเวณบ้านขุนกลาง อ.จอมทอง - บ้านขุนวาง อ.แม่วาง ช่วง กม. ที่ 4 ก็สามารถชมสามารถเที่ยวชมพญาเสือโคร่งบานริมทางและภายในโครงการหลวงขุนห้วยแห้ง พร้อมชมดอกไม้เมืองหนาวสวย ๆ ได้ด้วย
3.ขุนวาง : เชียงใหม่
“ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)” หรือที่หลาย ๆ คนนิยมเรียกกันว่า “ขุนวาง” ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ ที่บ้านขุนวาง ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ (คนละแห่งกับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน)
ภายในศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) มีเส้นทางเดินชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ทั้งตามต้นที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมทางและต้นที่อยู่ในแปลงปลูก นำโดยจุดไฮไลท์ในเส้นทางตั้งแต่บริเวณแปลงสวนกาแฟไปจนถึงสวนอาร์เมเนีย
โดยต้นนางพญาเสือโคร่งที่ปลูกอยู่เรียงรายริมสองข้างทางจะโน้มกิ่งทอดโค้งคารวะเข้าหากัน เป็นดังอุโมงค์ซากุระเมืองไทยสีชมพูสวยงามอันสุดแสนโรแมนติก ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาชมอุโมงค์ซากุระเมืองไทยกันเป็นจำนวนมาก
นอกจากดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่คุ้นตากันดีแล้ว ที่ขุนวาง ยังมีดอกนางพญาเสือโคร่งสีขาวที่หาชมได้ยากให้ชมกันอีก 2-3 ต้น รวมถึงมีต้นซากุระญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่นำพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกอยู่ภายในสวนขุนวางด้วยเช่นกัน
4.ขุนช่างเคี่ยน : เชียงใหม่
ขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 1,200-1,300 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง และ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยจุดไฮไลท์ของการเที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานนั้นอยู่ที่ “สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน” หรือที่คนนิยมเรียกกันว่า “ขุนช่างเคี่ยน” ที่ตั้งอยู่ที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในเส้นทางเดียวกับ พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และบ้านม้งดอยปุย
สถานีวิจัยฯ ขุนช่างเคี่ยน แม้จะเป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับ เมล็ด พันธุ์กาแฟ ไม้ผลเมืองหนาว อาทิ ท้อ พลับ บ๊วย พลัม เป็นต้น แต่ก็มีการนำต้นพญาเสือโคร่งไปปลูกภายที่สถานี ฯ เพื่อเป็นแนวรั้ว
จนกระทั่งเมื่อนางพญาเสือโคร่งเติบโตและออกดอกเบ่งบาน ทำให้ที่นี่เป็นดังหุบเขาสีชมพู และส่งผลให้ขุนช่างเคี่ยนเป็นแหล่งชมซากุระเมืองไทยอันเลื่องชื่อที่ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองเชียงใหม่มากที่สุด
โดยในระหว่างทางที่ใกล้จะถึงสถานีฯขุนช่างเคี่ยน จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งยืนเรียงรายริมถนน ในช่วงผลิดอกก็จะเห็นเป็นโค้งถนนสีชมพู และมีเป็นระยะ ๆ ไปจนถึงภายในหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ที่แต่ละจุดต่างก็มีมุมมองของความงามที่แตกต่างกันออกไป
5.ดอยแม่ตะมาน : เชียงใหม่
“ดอยแม่ตะมาน” หรือ “สันป่าเกี๊ยะ” ตั้งอยู่ที่ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ บนดอยแม่ตะมานสามารถมองเห็น “ดอยหลวงเชียงดาว” ตั้งตระหง่านทอดตัวอวดโฉม แสดงความยิ่งใหญ่สวยงาม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามในอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
บริเวณดอยแม่ตะมานแม้จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ไม่มากมายเหมือนกับที่อื่น ๆ แต่ว่าที่นี่มีเอกลักษณ์กับภาพของต้นนางพญาเสือโคร่งที่ออกดอกสีชมพูสวยงาม โดยมีดอยหลวงเชียงดาวทอดตัวเป็นฉากหลัง ถือเป็นภาพจำแห่งดอยแม่ตะมานที่ดังดูดให้ผู้คนเดินทางมาเที่ยวชม-ถ่ายรูปกันไม่ได้ขาด
สำหรับจุดชมซากุเมืองไทยอันโดดเด่นในพื้นที่ดอยแม่ตะมานนั้นก็อยู่ที่ “หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน” และ “สถานีวิจัยเกษตรที่สูง สันป่าเกี๊ยะ” ซึ่งถือเป็นแหล่งเที่ยวชมดอกนางเสือโคร่งเบ่งบานน้องใหม่ที่กำลังมาแรงอีกแห่งหนึ่ง
6. ขุนแม่ยะ : เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน
“ขุนแม่ยะ” หรือ “หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ” ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 2 จังหวัดคือ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในเส้นทางหลวง 1095 แม่มาลัย-ปาย
ขุนแม่ยะ เป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญของอำเภอปายที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเมืองสามหมอกมาช้านาน
เส้นทางจากบริเวณด่านตรวจแม่ยะเข้าไปยังหน่วยฯ นั้นมีสภาพคดเคี้ยวสูงชัน ดังนั้นจึงควรใช้รถกระบะหรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่หากได้เข้าไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งเมื่อผลิบานเต็มที่ภายในหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะรับรองว่าความงามนั้นจะประทับใจจนลืมความลำบากไปเลย
ภายในหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ได้มีการปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งไว้เป็นแนวในบริเวณทางเดินและลานกางเต็นท์ ยามเมื่อออกดอกพร้อมกันจึงเป็นเส้นทางเดินสีชมพูสุดโรแมนติก ทั้งยังสามารถกางเต็นท์ใกล้ ๆ กับต้นนางพญาเสือโคร่งได้อีกด้วย
7.ดอยช้าง-ดอยวาวี : เชียงราย
“ดอยช้าง-ดอยวาวี” ตั้งอยู่ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดย “ดอยช้าง” เป็นยอดเขาลูกหนึ่งแห่งดอยวาวีมีรูปร่างเหมือนช้างสองแม่ลูก ดอยช้างนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของกาแฟดอยช้างอันโด่งดัง
ขณะที่ “ดอยวาวี” นั้นตั้งอยู่บนทิวเขาอันสลับซับซ้อนแห่งเทือกเขาผีปันน้ำตะวันตก นับเป็นหนึ่งในดอยที่มีบรรยากาศโรแมนติกไม่ใช่น้อย โดยดอยวาวีนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องของ “ชา” ที่ได้รับความนิยมมาช้านาน
สำหรับที่ดอยวาวีนั้นเคยเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งแหล่งใหญ่ที่มีจำนวนมากที่สุดในเมืองไทยนับเป็นแสนต้น ก่อนที่ปัจจุบันนางพญาเสือโคร่งเหล่านั้นจะล้มตายไปจากโรคพืชและอายุขัย
อย่างไรก็ดีบนดอยช้าง-และดอยวาวี วันนี้ก็ยังคงมีซากุระเมืองไทยให้ชมความงามกันจำนวนหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศอันโรแมนติกให้นักท่องเที่ยวไปจิบชา-กาแฟ แล นางพญาเสือโคร่ง
สำหรับจุดหลัก ๆ ของแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งแห่งขุนเขาดอยวาวีนั้นก็อยู่ที่ “สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี” ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับยอดดอยช้าง ซึ่งหากใครไปถูกช่วงถูกเวลาแล้ว เราจะพบดอกซากุระออกดอกชมพูสดใสบานสวยงามเต็มทั่วสถานีไปหมด ไม่เพียงแต่ดอกซากุระสีชมพูเท่านั้นแต่บนดอยช้างยังมีดอกซากุระสีขาวให้ชมอีกด้วย
8.ดอยแม่สลอง : เชียงราย
ดอยแม่สลอง ตั้งอยู่ที่ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ดอยแม่สลอง นอกจากจะเป็นชุมชนชาว “จีนฮ่อ” หรือ “จีนยูนนาน” อดีตนักรบแห่งกองพล 93 แล้ว ยังเป็นแหล่งอาหารจีนยูนนานชั้นเยี่ยม และแหล่งชาเลื่องชื่อ โดยมีคำกล่าวกันว่า “ถ้ามาแอ่วดอยแม่สลองแล้ว ไม่ได้จิบชา ชิมชา ก็เหมือนมาไม่ถึงดอยแม่สลอง”
ความที่บนดอยแม่สลองตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และมีอากาศหนาวเย็น ทำให้ต้นนางพญาเสือโคร่งเติบโตได้ดีบนดอยแห่งนี้ และเติบโตมานานหลายสิบปี จนมีต้นโตสูงใหญ่
สำหรับความพิเศษอันถือเป็นมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างของซากุระเมืองไทยบนดอยแม่สลองก็คือ เมื่อมาที่นี่เราจะได้เห็นต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกประดับเคียงคู่กันไปในไร่ชาขึ้นลดหลั่นกว้างไกลไปตามไหล่เขา เป็นสีชมพูดูโดดเด่นตัดกับสีเขียวสดของต้นชาที่ต่างก็เสริมส่งในองค์ประกอบความงามของกันและกัน
9.หงาว-งาว : เชียงราย
“หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว” ตั้งอยู่ที่บ้านร่มฟ้าทอง ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ซึ่งเป็นทางขึ้นภูชี้ฟ้าด้านบ้านร่มฟ้าทอง
หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว เป็นแหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งที่มีจำนวนมากกว่า 5,000 ต้น
โดยบริเวณริมถนนสองข้างทางจากบ้านร่มฟ้าทองขึ้นสู่หน่วยจัดการต้นน้ำฯ จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งปลูกไว้ เมื่อเบ่งบานพร้อมกันก็กลายเป็นถนนสายสีชมพูที่สวยงามมาก
นอกจากนี้อีกระหว่างทางจากภูชี้ฟ้าไปยังผาตั้งก็ยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งให้ชมเป็นระยะ ๆ ตลอดทางอีกด้วย
10.ดอยผาตั้ง : เชียงราย
“ดอยผาตั้ง” ตั้งอยู่ที่บ้านผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ดอยผาตั้ง เป็นภูเขากั้นเขตแดนไทย-ลาว ถือเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่ชมพระอาทิตย์ได้ทั้งในยามเช้าและเย็น
ดอยแห่งนี้มีจุดน่าสนใจเด่น ๆ ชวนเที่ยวชม อาทิ ผาบ่อง, ช่องเขาขาด, เนิน 102, เนิน 103 ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่,พระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติ, ป่าหินยูนนาน และกิจกรรม “นั่งม้าชมดอย” ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างสูง
นอกจากนี้บริเวณดอยผาตั้งและพื้นที่ใกล้เคียงยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นกระจายตัวอยู่ในหลายจุด ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเก็บความประทับใจกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย
11.ดอยขุนสถาน-น่าน
ดอยขุนสถาน ตั้งอยู่ที่ อ.นาน้อย จ.น่าน ถือเป็นหลังคาเมืองน่าน เพราะเป็นแนวเทือกเขารอยต่อเชื่อมกับจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดน้ำแหงก่อนที่จะไหลมารวมกับลำน้ำอื่น ๆ ในลุ่มน้ำน่าน
สำหรับจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งอันโดดเด่นบนดอยขุนสถานนั้นอยู่ที่ “สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน” ที่ตั้งอยู่เลยจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถานไปประมาณ 2 กม.
สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน ได้ทำการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่ต้นน้ำให้อุดมสมบูรณ์ โดยได้ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งภายในและริมถนนด้านหน้าสถานีวิจัยฯ
ทุก ๆ ปีในช่วงฤดูหนาว เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมดอกนางพญาเสือโคร่งบนดอยขุนสถานจะพร้อมใจกันเบ่งบาน โดยเฉพาะที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน ซึ่งมีการปลูกนางพญาเสือโคร่งจำนวนมาก เป็นดงขนาดใหญ่ต้นโตสูง ซึ่งเมื่อยามออกดอกพร้อมกันคงจะกลายเป็นบรรยากาศสีชมพูสะพรั่งดูงดงามน่าประทับใจไม่น้อย
นอกจากนี้ที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถานยังมีบ้านพักให้บริการจำนวนหนึ่ง (แต่อาจจะจองยากหน่อย เพราะคนแย่งกันจอง) แต่เราสามารถกางเต็นท์ชมความงามได้ เนื่องจากภายในสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน มีลานกางเต็นท์ให้บริการ (ประมาณ 100 หลัง) หรือจะกางเต็นท์นอนที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน และสามารถขับรถมาชมหรือมาถ่ายภาพที่สถานีฯ ก็ได้เช่นกัน
12.ภูลมโล : เลย
ภูลมโล ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ เลย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก
จากอดีตพื้นที่สีแดงในยุคลัทธิคอมมิวนิสต์แพร่สะพัด ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบพื้นที่ภูลมโลถูกหักล้างถางพงทำไร่เลื่อนลอยจนกลายเป็นเขาหัวโล้น ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจึงขอพื้นที่คืน โดยตกลงให้ผู้ที่หักล้างถางพงปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับต้นพญาเสือโคร่งในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนออกจากพื้นที่
หลังจากนั้นก็ได้มีการปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันที่นี่เป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยจำนวนหลายหมื่นต้น
สำหรับจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลนั้น มีอยู่ 3 แปลงหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่
-“แปลงภูลมโล” แปลงนี้มีไฮไลท์สำคัญอยู่บริเวณ “คอกวัว” เพราะมีคอกวัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้อยู่ในบริเวณนี้ ที่แปลงภูลมโลเราสามารถมองเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งได้อย่างงดงามทั่วเนินเขา
-“แปลงก้อนหินใหญ่” ที่มีทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งให้ชมกันควบคู่ไปกับก้อนหินใหญ่ 2 จุดเป็นพร็อพถ่ายรูปที่มีคนแวะเวียนไปโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่กันระหว่างก้อนหินกับฉากสีชมพูของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งกันไม่ได้ขาด
- “แปลงภูขี้เถ้า” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วดอกนางพญาเสือโคร่งที่แปลงที่ภูขี้เถ้าจะบานทีหลังสุด
ที่ภูลมโลส่วนใหญ่ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานไล่เป็นแปลง ๆ ไป ใน 3 แปลงหลัก แต่ก็มีบางปีที่บานทีเดียวพร้อมกันหมด(ทั้ง 3 แปลง) โดยทุก ๆ ฤดูหนาว ยามเมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งพร้อมใจกันเบ่งบาน จะย้อมพื้นที่ให้กลายเป็นสีชมพู จนภูลมโลได้รับฉายาว่า “หุบเขาสีชมพู” อันลือลั่น
และนี่ก็คือ 12 จุดไฮไลท์ชมซากุระเมืองไทย ซึ่งนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ในเมืองไทยยังมีจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่น่าสนใจ อาทิ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงดอยช้างมูบ” อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีทั้งดอกนางพญาเสือโคร่ง กุหลาบพันปี และดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์, “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” อ.ปัว จ.น่าน มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกสะพรั่งสวยงามไปทั้งดอย ขึ้นสลับกับป่าสนแบบเมืองหนาว และยังมีดอกไม้หายากอย่างดอกชมพูภูคาให้ได้ชมด้วย
“ดอยล้าน” อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง มีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ตามภูเขาสลับกับพันธุ์ไม้ต่าง ๆ, “บ้านร่องกล้า” อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ในหมู่บ้านมีต้นนางพญาเสือโคร่งอยู่ ทำให้ในช่วงที่ออกดอกจะสร้างบรรยากาศสีชมพูแต่งแต้มสีสันให้สดใส เป็นต้น
นับเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของเมืองไทย ที่ต้องออกเดินทางไปสัมผัส แล้วก็จะได้พบกับดินแดนสีชมพูที่ดูสวยงาม น่าประทับใจกระไรปานนั้น
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
เพราะอากาศโลกเปลี่ยนแปลงบ่อย
ฤดูหนาวครั้งนี้ (62-63) จึงเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ ส่งผลให้ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ในสถานที่ต่าง ๆ พร้อมใจกันออกดอกบานชมพูสะพรั่งเร็วๆ กว่าปกติประมาณ 1 เดือน โดยจากเดิมที่มักจะบานเต็มที่ในช่วงหลังปีใหม่ราวปลายเดือนมกราคม-ต้นกุมภาพันธ์
แต่หนาวนี้ดอกนางพญาเสือโคร่งทั่วไทย เริ่มทยอยออกดอกเบ่งบานกันตั้งแต่ช่วงกลาง-ปลายธันวาคม ทำให้ตอนนี้ (สัปดาห์แรกของปีใหม่ 2563) ดอกนางพญาเสือโคร่งในหลายพื้นที่ต่างออกดอกผลิบานสวยงาม บางพื้นที่ตอนนี้บานแล้วกว่าครึ่ง ส่วนบางพื้นที่ตอนนี้บานเต็ม 100 % ย้อมบริเวณนั้นให้เป็นสีชมพูสะพรั่ง
สำหรับนางพญาเสือโคร่งเป็นต้นไม้ที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นซากุระของประเทศญี่ปุ่น คือ วงศ์กุหลาบ (Rosaceae) อยู่ในสกุล Prunus เช่นเดียวกับต้นเชอร์รี แอปริคอต พลัม แอปเปิลท้อ และ สาลี่ ซึ่งเป็นพรรณไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น
ต้นนางพญาเสือโคร่งมักจะขึ้นตามไหล่เขา หรือบนสันเขา บริเวณเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ที่มีอากาศหนาวเย็น พบมากในภาคเหนือและอีสาน ทั้งตามธรรมชาติและตามแหล่งปลูกต่าง ๆ
ยามเมื่อนางพญาเสือโคร่งพร้อมใจกันออกดอกผลิบานเป็นสีชมพูสะพรั่ง จะดูงดงามโรแมนติก ทำให้ดอกนางพญาเสือโคร่งได้รับฉายาว่า “ซากุระเมืองไทย” ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในช่วงฤดูหนาว ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมชมชอบกันเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ระยะการบานของดอกนางพญาเสือโคร่งนั้นจะอยู่ในราว 1-2 สัปดาห์ก่อนจะเริ่มร่วงโรย ดังนั้นหน้าหนาวนี้ที่ใครที่อยากจะเดินทางไปชมความงามชองซากุระเมืองไทย ก็ต้องรีบวางแผนเดินทางขึ้นไปชมความงามกันเลย
สำหรับจุดชมซากุระเมืองไทย ปัจจุบันนั้นก็มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน และนี่ก็เป็น “12 จุดไฮไลท์ ชมซากุระเมืองไทย” อันงดงามน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งแต่ละที่ต่างก็จัดว่าเด็ด ๆ ทั้งนั้น
1.ดอยอ่างขาง : เชียงใหม่
ดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ : ดอยอ่างขางมีไฮไลท์จุดชมซากุระอยู่ที่ “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” ซึ่งนอกจากนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยแล้วก็ยังมี “ซากุระญี่ปุ่น” ที่ทางมูลนิธิโครงการหลวงได้นำต้นซากุระญี่ปุ่นเข้ามาปลูก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และ “เชอร์รีไต้หวัน” ซึ่งเริ่มปลูกเมื่อปี 2551
ปัจจุบันภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางปลูกต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันไปแล้วจำนวนกว่า 5,000 ต้น โดยใช้การเพาะเมล็ดเป็นวิธีขยายพันธุ์
ในช่วงฤดูหนาวของทุกปีดอกนางพญาเสือโคร่ง ซากุระญี่ปุ่น และเชอร์รีไต้หวันจะออกดอกให้ได้ชมตามจุดต่าง ๆ ภายในสถานีฯ อ่างขาง อาทิ ภายในสวน 80 ด้านหน้าอาคารสโมสรอ่างขาง สวนแปดสิบ สวนกุหลาบอังกฤษ สวนสมเด็จ และตลอดเส้นทางเดินรถขาออกฝั่งโรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักสถานีฯ อ่างขาง
นอกจากนี้บริเวณริมถนนทางขึ้นไปสู่สถานีเกษตรฯ อ่างขางก็ยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งสูงใหญ่ที่ออกดอกสีชมพูหวานริมถนนสองข้างทางเป็นดังอุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่งอันสวยงาม รวมถึงตามไหล่เขาซอยข้างตลาดขายของหน้าสถานีเกษตรฯ อ่างขางก็มีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูสวยงามอยู่ทั่วไป
2.ดอยอินทนท์ : เชียงใหม่
ดอยอินทนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ : บนพื้นที่ดอยสูงที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้ มีสถานที่ให้เที่ยวชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งอยู่หลายจุดด้วยกัน นำโดยไฮไลท์ที่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์” ที่ตั้งอยู่ที่ บ้านขุนกลาง ต.บ้านหลวง ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บนเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ นอกจากจะเป็นศูนย์วิจัยและเพาะพันธุ์รองเท้านารีหายากหลากสายพันธุ์แล้ว ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานเป็นสีชมพูสดใส ซึ่งมีทั้งที่บานเด่นอยู่ริมโค้งใกล้ทางเข้าศูนย์ฯ และริมสระน้ำที่ออกดอกสีชมพูตัดกับผืนป่าสนสีเขียวสด ดูสวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้บนดอยอินทนนท์ ยังมีจุดชวนชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่เด่น ๆ อีก อาทิ “พระตำหนักดอยผาตั้ง” ดอกนางพญาเสือโคร่งที่นี่จะบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ สลับกับต้นเมเปิ้ลและสวนไม้ดอกเมืองหนาวต่าง ๆ, “ริมทางถนนจอมทอง-อินทนนท์ ช่วง กม.29-32” เป็นช่วงถนนที่มีดอกนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ริมข้างทาง ซึ่งแม้ว่าจะมีการทำที่จอดรถและจุดชมซากุระเมืองไทยไว้ให้ แต่ใครที่จะลงไปถ่ายรูป เซลฟี่ ก็ต้องระวังรถราที่วิ่งไป-มา ให้ดี
“สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์” และ “บ้านม้งขุนกลาง” ถือเป็นอีก 2 จุดที่สามารถชมดอกนางพญาเสือโคร่งได้อย่างจุใจ โดยระหว่างทางตั้งแต่บ้านขุนกลาง สามารถชมดอกนางพญาเสือโคร่งได้ทั่วหมู่บ้าน รวมถึงบริเวณม่อนดอยชัวร์ญ่าวิวสวย และม่อนอิงฟ้า อีกทั้งบริเวณบ้านขุนกลาง อ.จอมทอง - บ้านขุนวาง อ.แม่วาง ช่วง กม. ที่ 4 ก็สามารถชมสามารถเที่ยวชมพญาเสือโคร่งบานริมทางและภายในโครงการหลวงขุนห้วยแห้ง พร้อมชมดอกไม้เมืองหนาวสวย ๆ ได้ด้วย
3.ขุนวาง : เชียงใหม่
“ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)” หรือที่หลาย ๆ คนนิยมเรียกกันว่า “ขุนวาง” ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ ที่บ้านขุนวาง ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ (คนละแห่งกับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน)
ภายในศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) มีเส้นทางเดินชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ทั้งตามต้นที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมทางและต้นที่อยู่ในแปลงปลูก นำโดยจุดไฮไลท์ในเส้นทางตั้งแต่บริเวณแปลงสวนกาแฟไปจนถึงสวนอาร์เมเนีย
โดยต้นนางพญาเสือโคร่งที่ปลูกอยู่เรียงรายริมสองข้างทางจะโน้มกิ่งทอดโค้งคารวะเข้าหากัน เป็นดังอุโมงค์ซากุระเมืองไทยสีชมพูสวยงามอันสุดแสนโรแมนติก ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาชมอุโมงค์ซากุระเมืองไทยกันเป็นจำนวนมาก
นอกจากดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่คุ้นตากันดีแล้ว ที่ขุนวาง ยังมีดอกนางพญาเสือโคร่งสีขาวที่หาชมได้ยากให้ชมกันอีก 2-3 ต้น รวมถึงมีต้นซากุระญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่นำพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกอยู่ภายในสวนขุนวางด้วยเช่นกัน
4.ขุนช่างเคี่ยน : เชียงใหม่
ขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 1,200-1,300 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง และ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยจุดไฮไลท์ของการเที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานนั้นอยู่ที่ “สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน” หรือที่คนนิยมเรียกกันว่า “ขุนช่างเคี่ยน” ที่ตั้งอยู่ที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในเส้นทางเดียวกับ พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และบ้านม้งดอยปุย
สถานีวิจัยฯ ขุนช่างเคี่ยน แม้จะเป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับ เมล็ด พันธุ์กาแฟ ไม้ผลเมืองหนาว อาทิ ท้อ พลับ บ๊วย พลัม เป็นต้น แต่ก็มีการนำต้นพญาเสือโคร่งไปปลูกภายที่สถานี ฯ เพื่อเป็นแนวรั้ว
จนกระทั่งเมื่อนางพญาเสือโคร่งเติบโตและออกดอกเบ่งบาน ทำให้ที่นี่เป็นดังหุบเขาสีชมพู และส่งผลให้ขุนช่างเคี่ยนเป็นแหล่งชมซากุระเมืองไทยอันเลื่องชื่อที่ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองเชียงใหม่มากที่สุด
โดยในระหว่างทางที่ใกล้จะถึงสถานีฯขุนช่างเคี่ยน จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งยืนเรียงรายริมถนน ในช่วงผลิดอกก็จะเห็นเป็นโค้งถนนสีชมพู และมีเป็นระยะ ๆ ไปจนถึงภายในหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ที่แต่ละจุดต่างก็มีมุมมองของความงามที่แตกต่างกันออกไป
5.ดอยแม่ตะมาน : เชียงใหม่
“ดอยแม่ตะมาน” หรือ “สันป่าเกี๊ยะ” ตั้งอยู่ที่ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ บนดอยแม่ตะมานสามารถมองเห็น “ดอยหลวงเชียงดาว” ตั้งตระหง่านทอดตัวอวดโฉม แสดงความยิ่งใหญ่สวยงาม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามในอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
บริเวณดอยแม่ตะมานแม้จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ไม่มากมายเหมือนกับที่อื่น ๆ แต่ว่าที่นี่มีเอกลักษณ์กับภาพของต้นนางพญาเสือโคร่งที่ออกดอกสีชมพูสวยงาม โดยมีดอยหลวงเชียงดาวทอดตัวเป็นฉากหลัง ถือเป็นภาพจำแห่งดอยแม่ตะมานที่ดังดูดให้ผู้คนเดินทางมาเที่ยวชม-ถ่ายรูปกันไม่ได้ขาด
สำหรับจุดชมซากุเมืองไทยอันโดดเด่นในพื้นที่ดอยแม่ตะมานนั้นก็อยู่ที่ “หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน” และ “สถานีวิจัยเกษตรที่สูง สันป่าเกี๊ยะ” ซึ่งถือเป็นแหล่งเที่ยวชมดอกนางเสือโคร่งเบ่งบานน้องใหม่ที่กำลังมาแรงอีกแห่งหนึ่ง
6. ขุนแม่ยะ : เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน
“ขุนแม่ยะ” หรือ “หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ” ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 2 จังหวัดคือ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในเส้นทางหลวง 1095 แม่มาลัย-ปาย
ขุนแม่ยะ เป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญของอำเภอปายที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเมืองสามหมอกมาช้านาน
เส้นทางจากบริเวณด่านตรวจแม่ยะเข้าไปยังหน่วยฯ นั้นมีสภาพคดเคี้ยวสูงชัน ดังนั้นจึงควรใช้รถกระบะหรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่หากได้เข้าไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งเมื่อผลิบานเต็มที่ภายในหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะรับรองว่าความงามนั้นจะประทับใจจนลืมความลำบากไปเลย
ภายในหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ได้มีการปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งไว้เป็นแนวในบริเวณทางเดินและลานกางเต็นท์ ยามเมื่อออกดอกพร้อมกันจึงเป็นเส้นทางเดินสีชมพูสุดโรแมนติก ทั้งยังสามารถกางเต็นท์ใกล้ ๆ กับต้นนางพญาเสือโคร่งได้อีกด้วย
7.ดอยช้าง-ดอยวาวี : เชียงราย
“ดอยช้าง-ดอยวาวี” ตั้งอยู่ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดย “ดอยช้าง” เป็นยอดเขาลูกหนึ่งแห่งดอยวาวีมีรูปร่างเหมือนช้างสองแม่ลูก ดอยช้างนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของกาแฟดอยช้างอันโด่งดัง
ขณะที่ “ดอยวาวี” นั้นตั้งอยู่บนทิวเขาอันสลับซับซ้อนแห่งเทือกเขาผีปันน้ำตะวันตก นับเป็นหนึ่งในดอยที่มีบรรยากาศโรแมนติกไม่ใช่น้อย โดยดอยวาวีนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องของ “ชา” ที่ได้รับความนิยมมาช้านาน
สำหรับที่ดอยวาวีนั้นเคยเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งแหล่งใหญ่ที่มีจำนวนมากที่สุดในเมืองไทยนับเป็นแสนต้น ก่อนที่ปัจจุบันนางพญาเสือโคร่งเหล่านั้นจะล้มตายไปจากโรคพืชและอายุขัย
อย่างไรก็ดีบนดอยช้าง-และดอยวาวี วันนี้ก็ยังคงมีซากุระเมืองไทยให้ชมความงามกันจำนวนหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศอันโรแมนติกให้นักท่องเที่ยวไปจิบชา-กาแฟ แล นางพญาเสือโคร่ง
สำหรับจุดหลัก ๆ ของแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งแห่งขุนเขาดอยวาวีนั้นก็อยู่ที่ “สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี” ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับยอดดอยช้าง ซึ่งหากใครไปถูกช่วงถูกเวลาแล้ว เราจะพบดอกซากุระออกดอกชมพูสดใสบานสวยงามเต็มทั่วสถานีไปหมด ไม่เพียงแต่ดอกซากุระสีชมพูเท่านั้นแต่บนดอยช้างยังมีดอกซากุระสีขาวให้ชมอีกด้วย
8.ดอยแม่สลอง : เชียงราย
ดอยแม่สลอง ตั้งอยู่ที่ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ดอยแม่สลอง นอกจากจะเป็นชุมชนชาว “จีนฮ่อ” หรือ “จีนยูนนาน” อดีตนักรบแห่งกองพล 93 แล้ว ยังเป็นแหล่งอาหารจีนยูนนานชั้นเยี่ยม และแหล่งชาเลื่องชื่อ โดยมีคำกล่าวกันว่า “ถ้ามาแอ่วดอยแม่สลองแล้ว ไม่ได้จิบชา ชิมชา ก็เหมือนมาไม่ถึงดอยแม่สลอง”
ความที่บนดอยแม่สลองตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และมีอากาศหนาวเย็น ทำให้ต้นนางพญาเสือโคร่งเติบโตได้ดีบนดอยแห่งนี้ และเติบโตมานานหลายสิบปี จนมีต้นโตสูงใหญ่
สำหรับความพิเศษอันถือเป็นมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างของซากุระเมืองไทยบนดอยแม่สลองก็คือ เมื่อมาที่นี่เราจะได้เห็นต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกประดับเคียงคู่กันไปในไร่ชาขึ้นลดหลั่นกว้างไกลไปตามไหล่เขา เป็นสีชมพูดูโดดเด่นตัดกับสีเขียวสดของต้นชาที่ต่างก็เสริมส่งในองค์ประกอบความงามของกันและกัน
9.หงาว-งาว : เชียงราย
“หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว” ตั้งอยู่ที่บ้านร่มฟ้าทอง ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ซึ่งเป็นทางขึ้นภูชี้ฟ้าด้านบ้านร่มฟ้าทอง
หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว เป็นแหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งที่มีจำนวนมากกว่า 5,000 ต้น
โดยบริเวณริมถนนสองข้างทางจากบ้านร่มฟ้าทองขึ้นสู่หน่วยจัดการต้นน้ำฯ จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งปลูกไว้ เมื่อเบ่งบานพร้อมกันก็กลายเป็นถนนสายสีชมพูที่สวยงามมาก
นอกจากนี้อีกระหว่างทางจากภูชี้ฟ้าไปยังผาตั้งก็ยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งให้ชมเป็นระยะ ๆ ตลอดทางอีกด้วย
10.ดอยผาตั้ง : เชียงราย
“ดอยผาตั้ง” ตั้งอยู่ที่บ้านผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ดอยผาตั้ง เป็นภูเขากั้นเขตแดนไทย-ลาว ถือเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่ชมพระอาทิตย์ได้ทั้งในยามเช้าและเย็น
ดอยแห่งนี้มีจุดน่าสนใจเด่น ๆ ชวนเที่ยวชม อาทิ ผาบ่อง, ช่องเขาขาด, เนิน 102, เนิน 103 ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่,พระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติ, ป่าหินยูนนาน และกิจกรรม “นั่งม้าชมดอย” ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างสูง
นอกจากนี้บริเวณดอยผาตั้งและพื้นที่ใกล้เคียงยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นกระจายตัวอยู่ในหลายจุด ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเก็บความประทับใจกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย
11.ดอยขุนสถาน-น่าน
ดอยขุนสถาน ตั้งอยู่ที่ อ.นาน้อย จ.น่าน ถือเป็นหลังคาเมืองน่าน เพราะเป็นแนวเทือกเขารอยต่อเชื่อมกับจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดน้ำแหงก่อนที่จะไหลมารวมกับลำน้ำอื่น ๆ ในลุ่มน้ำน่าน
สำหรับจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งอันโดดเด่นบนดอยขุนสถานนั้นอยู่ที่ “สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน” ที่ตั้งอยู่เลยจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถานไปประมาณ 2 กม.
สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน ได้ทำการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่ต้นน้ำให้อุดมสมบูรณ์ โดยได้ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งภายในและริมถนนด้านหน้าสถานีวิจัยฯ
ทุก ๆ ปีในช่วงฤดูหนาว เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมดอกนางพญาเสือโคร่งบนดอยขุนสถานจะพร้อมใจกันเบ่งบาน โดยเฉพาะที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน ซึ่งมีการปลูกนางพญาเสือโคร่งจำนวนมาก เป็นดงขนาดใหญ่ต้นโตสูง ซึ่งเมื่อยามออกดอกพร้อมกันคงจะกลายเป็นบรรยากาศสีชมพูสะพรั่งดูงดงามน่าประทับใจไม่น้อย
นอกจากนี้ที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถานยังมีบ้านพักให้บริการจำนวนหนึ่ง (แต่อาจจะจองยากหน่อย เพราะคนแย่งกันจอง) แต่เราสามารถกางเต็นท์ชมความงามได้ เนื่องจากภายในสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน มีลานกางเต็นท์ให้บริการ (ประมาณ 100 หลัง) หรือจะกางเต็นท์นอนที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน และสามารถขับรถมาชมหรือมาถ่ายภาพที่สถานีฯ ก็ได้เช่นกัน
12.ภูลมโล : เลย
ภูลมโล ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ เลย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก
จากอดีตพื้นที่สีแดงในยุคลัทธิคอมมิวนิสต์แพร่สะพัด ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบพื้นที่ภูลมโลถูกหักล้างถางพงทำไร่เลื่อนลอยจนกลายเป็นเขาหัวโล้น ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจึงขอพื้นที่คืน โดยตกลงให้ผู้ที่หักล้างถางพงปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับต้นพญาเสือโคร่งในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนออกจากพื้นที่
หลังจากนั้นก็ได้มีการปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันที่นี่เป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยจำนวนหลายหมื่นต้น
สำหรับจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลนั้น มีอยู่ 3 แปลงหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่
-“แปลงภูลมโล” แปลงนี้มีไฮไลท์สำคัญอยู่บริเวณ “คอกวัว” เพราะมีคอกวัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้อยู่ในบริเวณนี้ ที่แปลงภูลมโลเราสามารถมองเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งได้อย่างงดงามทั่วเนินเขา
-“แปลงก้อนหินใหญ่” ที่มีทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งให้ชมกันควบคู่ไปกับก้อนหินใหญ่ 2 จุดเป็นพร็อพถ่ายรูปที่มีคนแวะเวียนไปโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่กันระหว่างก้อนหินกับฉากสีชมพูของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งกันไม่ได้ขาด
- “แปลงภูขี้เถ้า” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วดอกนางพญาเสือโคร่งที่แปลงที่ภูขี้เถ้าจะบานทีหลังสุด
ที่ภูลมโลส่วนใหญ่ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานไล่เป็นแปลง ๆ ไป ใน 3 แปลงหลัก แต่ก็มีบางปีที่บานทีเดียวพร้อมกันหมด(ทั้ง 3 แปลง) โดยทุก ๆ ฤดูหนาว ยามเมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งพร้อมใจกันเบ่งบาน จะย้อมพื้นที่ให้กลายเป็นสีชมพู จนภูลมโลได้รับฉายาว่า “หุบเขาสีชมพู” อันลือลั่น
และนี่ก็คือ 12 จุดไฮไลท์ชมซากุระเมืองไทย ซึ่งนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ในเมืองไทยยังมีจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่น่าสนใจ อาทิ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงดอยช้างมูบ” อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีทั้งดอกนางพญาเสือโคร่ง กุหลาบพันปี และดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์, “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” อ.ปัว จ.น่าน มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกสะพรั่งสวยงามไปทั้งดอย ขึ้นสลับกับป่าสนแบบเมืองหนาว และยังมีดอกไม้หายากอย่างดอกชมพูภูคาให้ได้ชมด้วย
“ดอยล้าน” อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง มีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ตามภูเขาสลับกับพันธุ์ไม้ต่าง ๆ, “บ้านร่องกล้า” อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ในหมู่บ้านมีต้นนางพญาเสือโคร่งอยู่ ทำให้ในช่วงที่ออกดอกจะสร้างบรรยากาศสีชมพูแต่งแต้มสีสันให้สดใส เป็นต้น
นับเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของเมืองไทย ที่ต้องออกเดินทางไปสัมผัส แล้วก็จะได้พบกับดินแดนสีชมพูที่ดูสวยงาม น่าประทับใจกระไรปานนั้น
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR