โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ฤดูหนาวครั้งนี้ (2562-63) มีความพิเศษต่างจากหลาย ๆ ปี ตรงที่มีอากาศหนาวเย็นในหลายพื้นที่และหนาวนาน ส่งผลให้ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” ทั่วไทยต่างพากันผลิดอกเบ่งบานชมพูสะพรั่งสวยงามเต็มที่เร็วกว่าปกติ
โดยจากเดิมที่ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือ “ซากุระเมืองไทย” มักจะบานเต็มที่ในช่วงหลังปีใหม่ราวปลายเดือนมกราคม-ต้นกุมภาพันธ์ แต่ในหนาวนี้ซากุเมืองไทย ได้เริ่มทยอยออกดอกเบ่งบานกันตั้งแต่ช่วงกลาง-ปลายธันวาคม เรื่อยมาจนถึงสัปดาห์แรกของต้นปีใหม่ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะเบ่งบานต่อเนื่องไปอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะค่อย ๆ ทยอยร่วงโรยไปในราวช่วงกลางหรือปลายเดือนมกราคม 2563
สำหรับ “ดอยอ่างขาง” ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ นั้นก็ถือเป็นหนึ่งในแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งเลื่องชื่อของเมืองไทย โดยจุดชมดอกไม้สำคัญนั้นก็อยู่ที่ “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง นอกจากนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยแล้วก็ยังมี “ซากุระญี่ปุ่น” ที่ทางมูลนิธิโครงการหลวง ได้เข้ามาปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และ ต้น “เชอร์รีไต้หวัน” ซึ่งเริ่มปลูกเมื่อปี 2551
ทั้งนี้การปลูกต้นไม้ทั้ง 2 ชนิดนั้นมีข้อมูลระบุว่า เมื่อครั้งที่ “หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี” องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เสด็จประเทศญี่ปุ่น และทราบว่าที่ประเทศญี่ปุ่นมีการจัดเทศกาลฮานามิ (การชมดอกซากุระ) จึงมีดำริให้มีการปลูกและรวบรวมต้นซากุระ โดยที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้นำมาปลูกไว้ในจุดต่าง ๆ ภายในสถานีฯ อ่างขาง
ปัจจุบันภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางปลูกต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันไปแล้วจำนวนกว่า 5,000 ต้น ซึ่งต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันของสถานีฯ อ่างขางใช้วิธีขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด โดยอายุต้น 5-10 ปีขึ้นไปจึงจะเริ่มออกดอก และเนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นจึงมีอายุการปลูกยาวไปจนถึง10 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลต้น)
ซากุระ หรือ เชอร์รี (Cherry Blossom) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Prunus serrulata ชื่อวงศ์ Rosaceae เป็นไม้ยืนต้นประเภทผลัดใบขนาดทรงพุ่ม 6-10 เมตร ต้นสูง 10-15 เมตร ซึ่งทั้งสองประเภทเป็นไม้ในตระกูลเดียวกันกับต้นพีช (ท้อ) และนางพญาเสือโคร่ง มีลักษณะดอกคล้ายกัน ดอกจะมีทั้งสีชมพูเข้มและชมพูอ่อน
ต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันสามารถเจริญเติบโตได้ดีบนพื้นที่ที่มีระดับความสูงตั้งแต่ 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งสถานีเกษตรหลวงอ่างขางก็คือหนึ่งในนั้น
ทุก ๆ ปี ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคมของทุกปีดอกซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันจะออกดอกให้ได้ชมตามจุดต่าง ๆ ภายในสถานีฯ อ่างขาง ได้แก่ ภายในสวน ๘o, ด้านหน้าอาคารสโมสรอ่างขาง, ด้านข้างสวนกุหลาบอังกฤษ และตลอดเส้นทางเดินรถขาออกฝั่งโรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักสถานีฯ อ่างขาง
นอกจากนี้ที่บริเวณนอกสถานีเกษตรฯ เราก็จะได้เห็นนางพญาเสือโคร่งออกดอกเบ่งบานอยู่ริมทางไล่ไปตั้งแต่ทางขึ้นดอย ไปจนถึงตามไหล่เขาบริเวณซอยข้างตลาดขายหน้าสถานีเกษตรฯ อ่างขางก็มีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูสวยงามอยู่ทั่วไป
สำหรับจุดหมาย “ดอยอ่างขาง” นั้นถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของเมืองไทย
ในอดีตก่อนที่จะกลายมาเป็นหนึ่งในดินแดนสุดโรแมนติก ดอยอ่างขางเคยเป็นภูเขาหัวโล้นจากการทำไร่เลื่อนลอยและปลูกฝิ่นมาก่อน
แต่ด้วยพระบารมี ในต้นปี พ.ศ. 2512 ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จประพาสต้นเชียงใหม่ทอดพระเนตรเห็นเขาหัวโล้น ป่าเสื่อมโทรม รวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อันแร้นแค้นของชาวเขาที่แม้จะปลูกฝิ่นเลี้ยงชีพแต่ว่ากลับมีฐานะยากจน
พระองค์ท่านจึงได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท ซื้อที่ดินประมาณ 10 ไร่ จากชาวไทยภูเขาบริเวณดอยอ่างขาง ใช้เป็นสถานีวิจัย ปลูกพืชผักเมืองหนาว เพื่อช่วยชาวเขาให้เลิกปลูกฝิ่น พร้อมกับโปรดเกล้าฯให้ตั้ง “โครงการหลวง”ขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริ “ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก” โดยเลือก “ดอยอ่างขาง” ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งเป็น“สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”ขึ้น นับเป็นโครงการหลวงแห่งแรกของประเทศไทย
จากนั้นดอยอ่างขางก็พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จากเขาหัวโล้นกลายเป็นแปลงพืชผักผลไม้เมืองหนาวอันอุดมสมบูรณ์ และมากไปด้วยทัศนียภาพอันงดงาม ทั้งจากสภาพธรรมชาติ แปลงพืชผัก โรงเรือน และสวนประดับตกแต่งต่าง ๆ ภายในสถานี ทำให้ปัจจุบันดอยอ่างขางเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันงดงามขึ้นชื่อของเมืองไทย ที่มีผู้คนเดินทางขึ้นไปเที่ยวชมสัมผัสในความงามกันไม่ได้ขาด
สำหรับจุดท่องเที่ยวสำคัญบนดอยอ่างขางนั้นอยู่ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ที่ภายในประกอบด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแปลงปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาว,สวนบอนไซ,โรงเรือนไม้ดอก,สวนบ๊วย,โรงเรือนรวมพันธุ์ผักเมืองหนาว,สวนไม้ดอกกลางแจ้ง,สวนกุหลาบอังกฤษ รวมถึงสวนไอเลิฟยูสวนแห่งใหม่ที่มีการจัดตกแต่งอย่างกิ๊บเก๋
นอกจากนี้ก็ยังมีไฮไลท์สำคัญคือ“สวนแปดสิบ” ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สวนแปดสิบ จัดตั้งขึ้นในวาระที่“หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี” องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงมีอายุครบ 80 ชันษา
ภายในสวนแปดสิบได้รวบรวมพันธุ์ไม้ไว้หลากหลายชนิด โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ ได้แก่ ไม้ดอกฤดูหนาว ไม้ดอกฤดูร้อนและฤดูฝน ไม้ดอกเจริญข้ามปี และไม้พุ่ม เมื่อเข้ามาเดินในสวนแห่งนี้จะได้สัมผัสกับความงามหลากสีสันของมวลหมู่ดอกไม้น้อยใหญ่จำนวนมากที่สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดี
ส่วนเมื่อออกไปนอกสถานีฯบนดอยอ่างขางยังมี จุดชมวิว ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชมทะเลหมอกอันสวยงามอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวกิ่วลม จุดชมวิวชายแดนไทย-พม่า จุดชมวิวขอบด้ง เป็นต้น
ขณะที่หมู่บ้านต่าง ๆ บนดอยอ่างขางนั้นก็น่าสนใจไปด้วยวิถีชุมชน วัฒนธรรมชนเผ่าอันทรงเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็น “บ้านคุ้ม”ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีฯ ถือเป็นศูนย์กลางความเจริญ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกไว้บริการนักท่องเที่ยว, “บ้านหลวง”กับวิถีวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนาน อาหารอร่อย และโรงงานดองท้อ บ๊วย ด้วยแรงงานคนที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย, “บ้านขอบด้ง”ที่อยู่บริเวณสันดอย ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดชมวิวอันสวยงามแล้ว ยังมีวิถีวัฒนธรรมของชาว“มูเซอ” อันน่าสนใจให้เที่ยวชมกันอีกด้วย
ส่วน“บ้านนอแล” ที่อยู่ห่างจากสถานีฯไปประมาณ 5 กม.นั้นก็โดดเด่นไปด้วยความงดงามของไร่สตรอว์เบอร์รี่และแปลงเกษตรพืชผักเมืองหนาวที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา รวมถึงวิถีวัฒนธรรมของชาวบ้านนอแลที่เป็นชนเผ่า“ปะหล่อง” หรือ“ดาละอั้ง” กับการแต่งกายอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะกับ “หน่องว่อง” หรือห่วงที่เอวอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของผู้หญิงปะหล่องที่นี่
ในพื้นที่ดอยอ่างขางยังมีการฟื้นฟูสภาพป่าด้วยการปลูกต้นไม้พรรณไม้อีกหลากหลายชนิด อาทิ ไม้ไผ่ ก่อ เมเปิ้ลหอม แอปเปิ้ลป่า กระถินดอย รวมไปถึงนางพญาเสือโคร่ง ซากุระญี่ปุ่น และเชอร์รี่ไต้หวัน ที่ในช่วงกลางฤดูหนาวจะพร้อมใจออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งสวยงาม ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางขึ้นไปชมความงามของดอกไม้เหล่านี้บนดอยอ่างขางกันเป็นจำนวนมาก
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของดอยอ่างขางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตเขาหัวโล้นป่าเสื่อมโทรม ก่อนที่จะมีเทวดามาพลิกฟื้นพื้นที่แห่งนี้ให้กลับมาเขียวขจีชีวิตชีวา เป็นแหล่งทำมาหากิน ให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้ มีความเป็นอยู่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เทวดาองค์นี้ พระองค์ท่านคือ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก ซึ่งทรงทำเพื่อลูก ๆ พสกนิกรชาวไทยผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย
สำหรับการขึ้นไปเยือนดอยอ่างขางในแต่ละครั้งของผมนั้น นอกจากจะได้เที่ยวชมสิ่งสวยงามของสถานที่ต่าง ๆ บนดอยแห่งนี้แล้ว ยังรู้สึกปลาบปลื้มปีติที่ได้เกิดมาเป็นพสกนิกรใต้พระบารมีของพระองค์ท่าน
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ฤดูหนาวครั้งนี้ (2562-63) มีความพิเศษต่างจากหลาย ๆ ปี ตรงที่มีอากาศหนาวเย็นในหลายพื้นที่และหนาวนาน ส่งผลให้ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” ทั่วไทยต่างพากันผลิดอกเบ่งบานชมพูสะพรั่งสวยงามเต็มที่เร็วกว่าปกติ
โดยจากเดิมที่ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือ “ซากุระเมืองไทย” มักจะบานเต็มที่ในช่วงหลังปีใหม่ราวปลายเดือนมกราคม-ต้นกุมภาพันธ์ แต่ในหนาวนี้ซากุเมืองไทย ได้เริ่มทยอยออกดอกเบ่งบานกันตั้งแต่ช่วงกลาง-ปลายธันวาคม เรื่อยมาจนถึงสัปดาห์แรกของต้นปีใหม่ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะเบ่งบานต่อเนื่องไปอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะค่อย ๆ ทยอยร่วงโรยไปในราวช่วงกลางหรือปลายเดือนมกราคม 2563
สำหรับ “ดอยอ่างขาง” ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ นั้นก็ถือเป็นหนึ่งในแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งเลื่องชื่อของเมืองไทย โดยจุดชมดอกไม้สำคัญนั้นก็อยู่ที่ “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง นอกจากนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยแล้วก็ยังมี “ซากุระญี่ปุ่น” ที่ทางมูลนิธิโครงการหลวง ได้เข้ามาปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และ ต้น “เชอร์รีไต้หวัน” ซึ่งเริ่มปลูกเมื่อปี 2551
ทั้งนี้การปลูกต้นไม้ทั้ง 2 ชนิดนั้นมีข้อมูลระบุว่า เมื่อครั้งที่ “หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี” องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เสด็จประเทศญี่ปุ่น และทราบว่าที่ประเทศญี่ปุ่นมีการจัดเทศกาลฮานามิ (การชมดอกซากุระ) จึงมีดำริให้มีการปลูกและรวบรวมต้นซากุระ โดยที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้นำมาปลูกไว้ในจุดต่าง ๆ ภายในสถานีฯ อ่างขาง
ปัจจุบันภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางปลูกต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันไปแล้วจำนวนกว่า 5,000 ต้น ซึ่งต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันของสถานีฯ อ่างขางใช้วิธีขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด โดยอายุต้น 5-10 ปีขึ้นไปจึงจะเริ่มออกดอก และเนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นจึงมีอายุการปลูกยาวไปจนถึง10 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลต้น)
ซากุระ หรือ เชอร์รี (Cherry Blossom) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Prunus serrulata ชื่อวงศ์ Rosaceae เป็นไม้ยืนต้นประเภทผลัดใบขนาดทรงพุ่ม 6-10 เมตร ต้นสูง 10-15 เมตร ซึ่งทั้งสองประเภทเป็นไม้ในตระกูลเดียวกันกับต้นพีช (ท้อ) และนางพญาเสือโคร่ง มีลักษณะดอกคล้ายกัน ดอกจะมีทั้งสีชมพูเข้มและชมพูอ่อน
ต้นซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันสามารถเจริญเติบโตได้ดีบนพื้นที่ที่มีระดับความสูงตั้งแต่ 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งสถานีเกษตรหลวงอ่างขางก็คือหนึ่งในนั้น
ทุก ๆ ปี ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคมของทุกปีดอกซากุระญี่ปุ่นและเชอร์รีไต้หวันจะออกดอกให้ได้ชมตามจุดต่าง ๆ ภายในสถานีฯ อ่างขาง ได้แก่ ภายในสวน ๘o, ด้านหน้าอาคารสโมสรอ่างขาง, ด้านข้างสวนกุหลาบอังกฤษ และตลอดเส้นทางเดินรถขาออกฝั่งโรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักสถานีฯ อ่างขาง
นอกจากนี้ที่บริเวณนอกสถานีเกษตรฯ เราก็จะได้เห็นนางพญาเสือโคร่งออกดอกเบ่งบานอยู่ริมทางไล่ไปตั้งแต่ทางขึ้นดอย ไปจนถึงตามไหล่เขาบริเวณซอยข้างตลาดขายหน้าสถานีเกษตรฯ อ่างขางก็มีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูสวยงามอยู่ทั่วไป
สำหรับจุดหมาย “ดอยอ่างขาง” นั้นถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของเมืองไทย
ในอดีตก่อนที่จะกลายมาเป็นหนึ่งในดินแดนสุดโรแมนติก ดอยอ่างขางเคยเป็นภูเขาหัวโล้นจากการทำไร่เลื่อนลอยและปลูกฝิ่นมาก่อน
แต่ด้วยพระบารมี ในต้นปี พ.ศ. 2512 ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จประพาสต้นเชียงใหม่ทอดพระเนตรเห็นเขาหัวโล้น ป่าเสื่อมโทรม รวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อันแร้นแค้นของชาวเขาที่แม้จะปลูกฝิ่นเลี้ยงชีพแต่ว่ากลับมีฐานะยากจน
พระองค์ท่านจึงได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท ซื้อที่ดินประมาณ 10 ไร่ จากชาวไทยภูเขาบริเวณดอยอ่างขาง ใช้เป็นสถานีวิจัย ปลูกพืชผักเมืองหนาว เพื่อช่วยชาวเขาให้เลิกปลูกฝิ่น พร้อมกับโปรดเกล้าฯให้ตั้ง “โครงการหลวง”ขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริ “ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก” โดยเลือก “ดอยอ่างขาง” ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งเป็น“สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”ขึ้น นับเป็นโครงการหลวงแห่งแรกของประเทศไทย
จากนั้นดอยอ่างขางก็พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จากเขาหัวโล้นกลายเป็นแปลงพืชผักผลไม้เมืองหนาวอันอุดมสมบูรณ์ และมากไปด้วยทัศนียภาพอันงดงาม ทั้งจากสภาพธรรมชาติ แปลงพืชผัก โรงเรือน และสวนประดับตกแต่งต่าง ๆ ภายในสถานี ทำให้ปัจจุบันดอยอ่างขางเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันงดงามขึ้นชื่อของเมืองไทย ที่มีผู้คนเดินทางขึ้นไปเที่ยวชมสัมผัสในความงามกันไม่ได้ขาด
สำหรับจุดท่องเที่ยวสำคัญบนดอยอ่างขางนั้นอยู่ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ที่ภายในประกอบด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแปลงปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาว,สวนบอนไซ,โรงเรือนไม้ดอก,สวนบ๊วย,โรงเรือนรวมพันธุ์ผักเมืองหนาว,สวนไม้ดอกกลางแจ้ง,สวนกุหลาบอังกฤษ รวมถึงสวนไอเลิฟยูสวนแห่งใหม่ที่มีการจัดตกแต่งอย่างกิ๊บเก๋
นอกจากนี้ก็ยังมีไฮไลท์สำคัญคือ“สวนแปดสิบ” ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สวนแปดสิบ จัดตั้งขึ้นในวาระที่“หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี” องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงมีอายุครบ 80 ชันษา
ภายในสวนแปดสิบได้รวบรวมพันธุ์ไม้ไว้หลากหลายชนิด โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ ได้แก่ ไม้ดอกฤดูหนาว ไม้ดอกฤดูร้อนและฤดูฝน ไม้ดอกเจริญข้ามปี และไม้พุ่ม เมื่อเข้ามาเดินในสวนแห่งนี้จะได้สัมผัสกับความงามหลากสีสันของมวลหมู่ดอกไม้น้อยใหญ่จำนวนมากที่สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดี
ส่วนเมื่อออกไปนอกสถานีฯบนดอยอ่างขางยังมี จุดชมวิว ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชมทะเลหมอกอันสวยงามอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวกิ่วลม จุดชมวิวชายแดนไทย-พม่า จุดชมวิวขอบด้ง เป็นต้น
ขณะที่หมู่บ้านต่าง ๆ บนดอยอ่างขางนั้นก็น่าสนใจไปด้วยวิถีชุมชน วัฒนธรรมชนเผ่าอันทรงเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็น “บ้านคุ้ม”ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีฯ ถือเป็นศูนย์กลางความเจริญ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกไว้บริการนักท่องเที่ยว, “บ้านหลวง”กับวิถีวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนาน อาหารอร่อย และโรงงานดองท้อ บ๊วย ด้วยแรงงานคนที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย, “บ้านขอบด้ง”ที่อยู่บริเวณสันดอย ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดชมวิวอันสวยงามแล้ว ยังมีวิถีวัฒนธรรมของชาว“มูเซอ” อันน่าสนใจให้เที่ยวชมกันอีกด้วย
ส่วน“บ้านนอแล” ที่อยู่ห่างจากสถานีฯไปประมาณ 5 กม.นั้นก็โดดเด่นไปด้วยความงดงามของไร่สตรอว์เบอร์รี่และแปลงเกษตรพืชผักเมืองหนาวที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา รวมถึงวิถีวัฒนธรรมของชาวบ้านนอแลที่เป็นชนเผ่า“ปะหล่อง” หรือ“ดาละอั้ง” กับการแต่งกายอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะกับ “หน่องว่อง” หรือห่วงที่เอวอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของผู้หญิงปะหล่องที่นี่
ในพื้นที่ดอยอ่างขางยังมีการฟื้นฟูสภาพป่าด้วยการปลูกต้นไม้พรรณไม้อีกหลากหลายชนิด อาทิ ไม้ไผ่ ก่อ เมเปิ้ลหอม แอปเปิ้ลป่า กระถินดอย รวมไปถึงนางพญาเสือโคร่ง ซากุระญี่ปุ่น และเชอร์รี่ไต้หวัน ที่ในช่วงกลางฤดูหนาวจะพร้อมใจออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งสวยงาม ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางขึ้นไปชมความงามของดอกไม้เหล่านี้บนดอยอ่างขางกันเป็นจำนวนมาก
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของดอยอ่างขางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตเขาหัวโล้นป่าเสื่อมโทรม ก่อนที่จะมีเทวดามาพลิกฟื้นพื้นที่แห่งนี้ให้กลับมาเขียวขจีชีวิตชีวา เป็นแหล่งทำมาหากิน ให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้ มีความเป็นอยู่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เทวดาองค์นี้ พระองค์ท่านคือ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก ซึ่งทรงทำเพื่อลูก ๆ พสกนิกรชาวไทยผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย
สำหรับการขึ้นไปเยือนดอยอ่างขางในแต่ละครั้งของผมนั้น นอกจากจะได้เที่ยวชมสิ่งสวยงามของสถานที่ต่าง ๆ บนดอยแห่งนี้แล้ว ยังรู้สึกปลาบปลื้มปีติที่ได้เกิดมาเป็นพสกนิกรใต้พระบารมีของพระองค์ท่าน
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR