“ข้าวแรมฟืน” หรือ “ข้าวแรมคืน” เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวไทใหญ่ ไทลื้อ ที่มาจากทางสิบสองปันนา ซึ่งปัจจุบันนี้กลายมาเป็นอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของ จ.เชียงราย และสามารถหาชิมได้ทั่วไปตามร้านต่างๆ
“ข้าวแรมฟืน” ได้มาจากการโม่ข้าวเจ้าแข็งเพื่อทำแป้ง แล้วนำน้ำแป้งที่ตกตะกอนนั้นมาเคี่ยวกับน้ำปูนใสจนสุก จากนั้นก็เทใส่ภาชนะ ทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะได้ข้าวแรมฟืนที่แข็งตัว สามารถนำมากินได้ และเป็นที่มาของชื่อ “ข้าวแรมคืน” นั่นเอง
ซึ่งนอกจากข้าวเจ้าที่นำมาทำข้าวแรมฟืนสีขาวแล้ว ก็ยังมีข้าวแรมฟืนที่ทำจากถั่วลันเตา (สีเหลือง) และข้าวแรมฟืนที่ทำจากถั่วลิสง (สีม่วงอ่อน) ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็มีวิธีการทำคล้ายกับข้าวแรมฟืนสีขาว เพียงแต่จะต้องแช่ถั่วให้พองตัวก่อนจะนำมาโม่เป็นแป้ง
สำหรับข้าวแรมฟืนตามสูตรต้นตำรับนั้นมีวิธีการกินคือ นำแป้งที่ได้มาหั่นเป็นชิ้นพอคำ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ได้แก่ น้ำถั่วเน่า น้ำขิง พริกขี้หนูคั่วป่นผัดน้ำมัน งาขาวคั่วป่น เกลือป่น น้ำตาล ซีอิ๊วดำ ถั่วลิสงคั่วป่น กระเทียมเจียว น้ำมะเขือเทศ (ได้จากการติมมะเขือเทศกับน้ำเปล่า เติมเกลือเล็กน้อย) น้ำซู่/น้ำสู่ (ได้จากน้ำตาลอ้อย น้ำตาลทรายขาว แอปเปิ้ลไซเดอร์ น้ำสะอาด เคี่ยวรวมกัน) แล้วก็ใส่กะหล่ำปลีซอย ถั่วงอก ถั่วแขก จากนั้นก็คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน
ข้าวแรมฟืนที่คลุกเคล้ากับเครื่องต่างๆ แล้วจะออกรสเปรี้ยว เผ็ด หวาน หอม มัน กินแล้วอร่อยเพลิน เปนได้ทั้งของว่างและอาหารหลัก ซึ่งข้าวแรมฟืนนี้ถือว่าเป็นอาหารมังสวิรัติ เนื่องจากไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสม และยังมีผักและสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
ด้วยความอร่อยของข้าวแรมฟืนนั้น ทำให้ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” จึงได้คัดสรร “ข้าวแรมฟืน” ให้เป็นไฮไลต์เมนูอาหารถิ่นห้าพลาดของจังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการ “อาหารถิ่น ตะลุยกินทั่วไทย”
นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศไทย ททท. ได้กล่าวถึงโครงการอาหารถิ่น ตะลุยกินทั่วไทยว่า โครงการนี้ จะช่วยเพิ่มรายได้ทางการท่องเที่ยวขึ้นมาประมาณ 10-15 % ที่สำคัญคือรายได้จะตกแก่ท้องถิ่นโดยตรง เพราะร้านอาหารถิ่น และวัตถุดิบในการทำอาหารถิ่นนั้นนำมาจากในพื้นที่ของท้องถิ่นนั้นๆ
นอกจากนี้ ททท. ยังได้จัดกิจกรรมเวิร์คชอป การทำข้าวแรมฟืน พร้อมกับเมนูข้าวแรมฟืนอื่นๆ ขึ้นที่ “ดอยตุง ลอดจ์” เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา โดยมี “เชฟแน๊ตตี้-นภาวดี พยัคฆโส” มาเป็นผู้สาธิตการทำอาหารจากข้าวแรมฟืน
สำหรับข้าวแรมฟืน นอกจากจะนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องให้กลายมาเป็นเมนูจานอร่อยแบบพื้นถิ่นแล้ว ก็ยังสามารถนำมาประยุกต์ทำเป็นเมนูแบบฟิวชั่นได้ด้วย โดยเชฟแน๊ตตี้แนะนำเมนู “นาโช่แรมฟืน” ซึ่งจะให้ข้าวฟืนสีเหลืองที่ทำจากถั่วลันเตา นำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ จากนั้นก็นำไปทอดให้พอเหลือง แล้วนำเข้าเคาอบ อบจนกรอบและแห้งสนิท
ส่วนเครื่องจิ้มของนาโช่แรมฟืนนั้นมีสามส่วน ส่วนแรกเป็นซอสชีส ซึ่งมีส่วนผสมของ ชีส Monterey Jack แป้งอเนกประสงค์ นมสด เนยจืด ผงกระเทียม ผงหัวหอม และพริกป่นคั่วน้ำมัน โดยวิธีทำนั้นให้นำเนยจืดตั้งไฟจนละลาย ใส่แป้งลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่นมสดลงไปคนกับแป้งและเนยให้ละลายเข้ากัน ใส่ชีส ผงกระเทียมและผงหัวหอม คนให้เข้ากัน แล้วก็ใส่พริกป่นคั่วน้ำมันลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากันอีกครั้ง
ส่วนที่สองเป็นอะโวคาโด ซึ่งมีส่วนผสมจากอะโวคาโดสุก มะนาว เกลือ และพริกไทย วิธีทำก็นำอะโวคาโดมาบดให้ละเอียด แล้วใส่ส่วนผสมอื่นๆ ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
ส่วนสุดท้ายเป็นซัลซ่า มีส่วนผสมของเนื้อมะเขือเทศสดหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ น้ำซู่/น้ำสู่ หอมแดงสับ ผักชีซอย เกลือป่น พริกไทย และน้ำมะนาว ส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เมื่อได้เครื่องจิ้มทั้งสามส่วนแล้วก็นำมาเสิร์ฟพร้อมกับนาโช่แรมฟืนที่อบกรอบเตรียมไว้แล้ว เป็นเมนู “นาโช่แรมฟืน” ที่เปลี่ยนหน้าตาของข้าวแรมฟืนแบบเดิมๆ ให้ดูทันสมัยและน่ากินมากขึ้น
หากอยากลองชิมข้าวแรมฟืนแบบดั้งเดิม ก็สามารถหาลองชิมได้ที่ร้านทั่วๆ ไปที่ จ.เชียงราย หรือหากอยากลองทำข้าวแรมฟืนแบบฟิวชั่น ก็สามารถเลือกซื้อข้าวแรมฟืนไปทำกินกันเองที่บ้านได้ด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com