หลายๆ คน คงอาจจะชื่นชอบสิ่งขบเคี้ยวทั้งหลายแหล่ อาจจะเป็นเพราะว่า เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำได้ง่าย, ช่วยบรรเทาความหิว และสามารถทำได้ไปพร้อมกับการทำกิจกรรมอื่น ซึ่งแน่นอนว่า “ถั่ว” ก็เป็นของขบเคี้ยวชนิดหนึ่ง ที่เป็นของโปรดสำหรับผู้คนทั้งหลาย เพราะนอกจากจะทานได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว ก็สามารถให้ประโยชน์กับร่างกายได้อีกด้วย
ในขณะเดียวกัน หากลงละเอียดปลีกย่อยลงไปแล้ว “ถั่วลันเตา” ก็ถือได้ว่าเป็นถั่วอีกชนิดหนึ่ง ที่นอกจากจะช่วยบรรเทาในเรื่องความหิวได้แล้ว เจ้าถั่วชนิดนี้ก็ถือได้ว่าให้คุณประโยชน์ให้กับร่างกายได้ไม่แพ้เพื่อนถั่วชนิดอื่นได้เช่นกัน ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่า โดยรวมของ “ถั่วลันเตา” นั้น มีลักษณะเป็นเช่นไร
ที่มาของ “ถั่วลันเตา”
ถั่วลันเตา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pisum Sativum มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบประเทศเอธิโอเปีย เป็นพืชฤดูเดียว และแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทผักเหนียวและแข็ง เมล็ดโต นิยมปลูกเพื่อรับประทานเมล็ด ส่วนอีกชนิดปลูก เพื่อรับประทานฝักสด โดยฝักจะมีขนาดใหญ่ มีปีก
สรรพคุณแก้ “การท้องผูก”
ในอดีตกาล คนโบราณใช้เถาถั่วลันเตาเข้าสำรับยาสมุนไพร วิธีการคือ ต้มเถาถั่วลันเตา กรองแต่น้ำมาใช้ดื่ม ช่วยรักษาอาการต้มทรุดหรือตับพิการที่ไม่รุนแรงมาก
ขณะที่ปัจจุบัน ได้มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากการค้นพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของถั่วลั่นเตา พบว่า ช่วยลดไขมันและคอเลสตอรอลในเลือดได้ นอกจากนี้ ถั่วลั่นเตายังอุดมไปด้วยโปรตีนประเภทโฟเลท วิตามินซี เบต้าแครอทีน โพแทสเซียม แมงกานีส และใยอาหาร ซึ่งสามารถดูดซับสารพิษและไขมันในร่างกายได้ โดยจะกำจัดของเสียเหล่านั้นออกมาพร้อมกับอุจจาระ
ประโยชน์ของ “ถั่วลันเตา”
ถั่วลันเตาอุดมไปด้วยเบตาแครอทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลส์ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิว สายตา และสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง แถมให้ไขมันต่ำแต่ให้โปรตีนสูง โดยถั่วลันเตา 2 ทัพพี ให้แคลเซียมถึง 170 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าถั่วฝักยาว 4 เท่า
นอกจากนี้ ถั่วลันเตา สามารถช่วยขับของเหลวในร่างกาย ถอนพิษ ใช้บำบัดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง แก้โรคเหน็บชา ปัสสาวะขัด และ ยังช่วยเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่ ได้อีกด้วย
ในขณะเดียวกัน หากลงละเอียดปลีกย่อยลงไปแล้ว “ถั่วลันเตา” ก็ถือได้ว่าเป็นถั่วอีกชนิดหนึ่ง ที่นอกจากจะช่วยบรรเทาในเรื่องความหิวได้แล้ว เจ้าถั่วชนิดนี้ก็ถือได้ว่าให้คุณประโยชน์ให้กับร่างกายได้ไม่แพ้เพื่อนถั่วชนิดอื่นได้เช่นกัน ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่า โดยรวมของ “ถั่วลันเตา” นั้น มีลักษณะเป็นเช่นไร
ที่มาของ “ถั่วลันเตา”
ถั่วลันเตา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pisum Sativum มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบประเทศเอธิโอเปีย เป็นพืชฤดูเดียว และแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทผักเหนียวและแข็ง เมล็ดโต นิยมปลูกเพื่อรับประทานเมล็ด ส่วนอีกชนิดปลูก เพื่อรับประทานฝักสด โดยฝักจะมีขนาดใหญ่ มีปีก
สรรพคุณแก้ “การท้องผูก”
ในอดีตกาล คนโบราณใช้เถาถั่วลันเตาเข้าสำรับยาสมุนไพร วิธีการคือ ต้มเถาถั่วลันเตา กรองแต่น้ำมาใช้ดื่ม ช่วยรักษาอาการต้มทรุดหรือตับพิการที่ไม่รุนแรงมาก
ขณะที่ปัจจุบัน ได้มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากการค้นพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของถั่วลั่นเตา พบว่า ช่วยลดไขมันและคอเลสตอรอลในเลือดได้ นอกจากนี้ ถั่วลั่นเตายังอุดมไปด้วยโปรตีนประเภทโฟเลท วิตามินซี เบต้าแครอทีน โพแทสเซียม แมงกานีส และใยอาหาร ซึ่งสามารถดูดซับสารพิษและไขมันในร่างกายได้ โดยจะกำจัดของเสียเหล่านั้นออกมาพร้อมกับอุจจาระ
ประโยชน์ของ “ถั่วลันเตา”
ถั่วลันเตาอุดมไปด้วยเบตาแครอทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลส์ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิว สายตา และสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง แถมให้ไขมันต่ำแต่ให้โปรตีนสูง โดยถั่วลันเตา 2 ทัพพี ให้แคลเซียมถึง 170 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าถั่วฝักยาว 4 เท่า
นอกจากนี้ ถั่วลันเตา สามารถช่วยขับของเหลวในร่างกาย ถอนพิษ ใช้บำบัดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง แก้โรคเหน็บชา ปัสสาวะขัด และ ยังช่วยเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่ ได้อีกด้วย
