xs
xsm
sm
md
lg

“สมุทรสงคราม plus นครปฐม” รื่นรมย์ชมตลาดน้ำสุดฟิน ห้ามพลาด “วู้ดแลนด์ เมืองไม้” สุดอะเมซิ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ตลาดน้ำอัมพวา แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของสมุทรสงคราม
“สมุทรสงคราม” แม้จะเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย แต่ก็เป็นประเภท “เล็กดีรสโต” หรือ “Small is Beautiful” เพราะในความเล็กกะทัดรัดนั้น ได้ซ่อนของดีและสิ่งที่น่าสนใจทางการท่องเที่ยวเอาไว้มากมาย

จังหวัดสมุทรสงคราม หรือ “เมืองแม่กลอง” มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำแม่กลอง ท้องทะเลอ่าวไทย และและลำคลองสายต่างๆตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ด้วยมนต์เสน่ห์เหล่านี้ ทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” จึงยกให้สมุทรสงครามเป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” ภายใต้แนวคิด “เมืองสายน้ำสามเวลา” ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเก็บเกี่ยวความสุขแบบสโลว์ไลฟ์สุดฟินได้ตลอดทั้งวัน
องค์พระปฐมเจดีย์ ศูนย์รวมจิตใจชาวนครปฐม
จากสมุทรสงครามหากเดินทางต่อไปในจังหวัด“นครปฐม”ที่อยู่ใกล้ๆกัน ก็จะได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งสายน้ำ ตลาดน้ำต่างๆ วิถีวัฒนธรรมจากอดีตอันรุ่งโรจน์ของยุคทวารวดี วัดวาอาราม รวมไปถึงสิ่งน่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย

ดังนั้น ททท.จึงได้ควงแขนจังหวัดสมุทรสงครามกับนครปฐมจัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยว “สมุทรสงคราม plus นครปฐม” ภายใต้โครงการ “เมืองต้องห้าม...พลาดplus” (เมืองต้องห้าม...พลาดพลัส) ซึ่งเป็นแคมเปญท่องเที่ยวสำคัญของปี พ.ศ. 2559 ที่ได้ต่อยอดความสำเร็จมาจากโครงการเมืองต้องห้าม...พลาดของปี 2558

อันถือเป็นการจับคู่ 2 เมืองที่มีความโดดเด่นในวิถีแห่งสายน้ำที่น่าสนใจยิ่ง
ตลาดอัมพวายามเย็น
“อัมพวา” ยลเสน่ห์ตลาดน้ำ งามล้ำวัดวา

“สมุทรสงคราม” ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองสายน้ำสามเวลา” อันหมายถึงเมืองที่เปี่ยมเสน่ห์ของวิถีชุมชนริมน้ำที่พบเห็นได้ตั้งแต่เช้า กลางวัน และยามค่ำคืน นอกจากนั้นแล้ว สมุทรสงครามยังเป็น “เมืองสามน้ำ” คือมีครบรสทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำทะเล และยังเป็น “เมืองสามอำเภอ” เพราะทั้งจังหวัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.บางคนที และ อ.อัมพวา ที่ได้ชื่อว่าเป็นอำเภอต้องห้ามพลาดสำหรับผู้มาเที่ยวสมุทรสงคราม
ของกินมากมายบนเรือที่ลอยลำมา
ห้องแถวริมคลองอัมพวาในบรรยากาศพลบค่ำ
อำเภออัมพวา เป็นที่ตั้งของ “ตลาดน้ำอัมพวา” (ต.อัมพวา) แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของสมุทรสงคราม ตลาดน้ำอัมพวาตั้งอยู่บริเวณปากคลองอัมพวา เป็นตลาดน้ำยามเย็นที่มีชื่อเสียงมายาวนานจากการพยายามฟื้นฟูตลาดเก่า เรียกความคึกคักให้กลับคืนมาจนสำเร็จได้อย่างงดงาม

ในช่วงบ่ายๆ ของวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ บริเวณปากคลองอัมพวาจะมีเรือพายของชาวบ้านที่นำเอาสารพัดอาหารของกินใส่เรือลอยลำมาขาย ส่วนบริเวณห้องแถวไม้ริมน้ำก็ยังมีตลาดบกที่ตั้งเรียงรายขายอาหารและของที่ระลึกเก๋ๆ แนวๆ ถูกใจวัยรุ่น นอกจากนั้นที่นี่ยังมีบริการเรือไปชมหิ่งห้อย ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
พระสงฆ์พายเรือบิณฑบาตในคลองอัมพวา
ทำบุญยามเช้า
ที่ตลาดน้ำอัมพวานี้นอกจากจะมาเที่ยวตลาดน้ำยามเย็นแล้ว ก็ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์เก๋ๆ ริมคลองอัมพวาและคลองสายต่างๆ ให้เลือกพักกันได้ โดยในยามเช้าก็จะได้เห็นบรรยากาศของพระที่พายเรือออกบิณฑบาตกลางลำคลองที่เงียบสงบ เป็นภาพที่มีเสน่ห์อย่างยิ่ง
“ตลาดน้ำท่าคา” ตลาดน้ำแบบวิถีชาวบ้าน
สำหรับอีกหนึ่งตลาดน้ำในอำเภออัมพวาที่บอกเลยว่าต้องห้ามพลาดก็คือ “ตลาดน้ำท่าคา” (ต.ท่าคา) ตลาดน้ำแบบวิถีชาวบ้านจริงๆ ที่มีความเก๋ตรงที่ยังคงกำหนดวันติดตลาดโดยยึดเอาข้างขึ้นข้างแรมเป็นหลัก คือวันข้างขึ้น-แรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ รวม 6 วันด้วยกัน ซึ่งเป็นวันที่น้ำขึ้นเต็มที่จึงสามารถพายเรือออกจากสวนนำของมาค้าขายแลกเปลี่ยนกันได้อย่างสะดวก แต่เพื่อเหตุผลทางการท่องเที่ยว ในภายหลังตลาดน้ำท่าคาจึงเปิดให้มีตลาดในวันเสาร์-อาทิตย์เพิ่มเติม ให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสชมบรรยากาศของตลาดท่าคากันอย่างทั่วถึง
ของกินมากมายในคลองท่าคา
ชาวบ้านพายเรือจากคลองนำของมาขาย
บรรยากาศของตลาดน้ำท่าคานั้นเป็นตลาดน้ำของแท้ที่ยังคงความเป็นท้องถิ่นอยู่มากทีเดียว โดยพ่อค้าแม่ขายที่เป็นชาวบ้านชาวสวนต่างพายเรือที่บรรทุกสินค้าจากสวนของตัวเองพายมาที่ตลาดแต่เช้า เพื่อมาขายและซื้อของที่ต้องการกลับไปที่บ้าน ในคลองท่าคาจึงเต็มไปด้วยเรือพายของคุณลุงคุณป้าชาวสวนได้บรรยากาศแบบดั้งเดิมไม่ต้องปรุงแต่งเยอะ หากใครอยากสัมผัสต้องมาแต่เช้าสักหน่อย โดยตลาดจะเริ่มราวๆ 7 โมงเช้าและคึกคักไปจนถึงช่วงสาย เพราะเที่ยงๆ ตลาดก็เริ่มจะวายแล้ว
อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
นอกจากตลาดน้ำอัมพวาและตลาดน้ำท่าคาที่มากไปด้วยสีสันอันน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ใน อ.อัมพวา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอันหลากหลาย อาทิ

“อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย” หรือ “อุทยาน ร.2” (ต.อัมพวา) ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับตลาดน้ำอัมพวา สามารถเดินเที่ยวถึงกันได้ อุทยาน ร.2 สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ภายในอุทยานฯ โดดเด่นไปด้วยเรือนไทยอันงดงาม
วัดอัมพวันเจติยาราม
“วัดอัมพวันเจติยาราม” (ต.อัมพวา) ที่ในพระอุโบสถงดงามไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โปรดเกล้าฯ ให้ช่างเขียนขึ้น เพื่อแสดงเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 2 และเรื่องราวในวรรณคดีที่ท่านทรงพระราชนิพนธ์
โบสถ์ปรกโพธิ์วัดบางกุ้ง
“วัดบางกุ้ง” (ต.บางกุ้ง) มี “โบสถ์ปรกโพธิ์” เป็นความโดดเด่นไม่มีใครเหมือน ตัวโบสถ์ภายนอกถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ดูขรึมขลังงดงาม ส่วนภายในประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี นับเป็นความลงตัวที่แปลกตาน่ายลจน ททท. ชูให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์อันโด่งดังแห่งเมืองแม่กลอง
กุฏิหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี
“วัดจุฬามณี” มีอุโบสถทรงจัตุรมุขที่ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามที่ได้บูรณะขึ้นใหม่ นอกจากนั้นภายในวัดยังมีกุฏิหลวงปู่เนื่อง พระเกจิอาจารย์ที่มรณภาพไปแล้วแต่สังขารของท่านกลับไม่เน่าเปื่อย ประดิษฐานอยู่ในโลงแก้วให้ผู้ศรัทธาได้กราบไหว้
บรรยากาศเงียบสงบของตลาดน้ำบางนกแขวก
“บางคนที” มีดีที่ตลาดน้ำบางนกแขวก-บางน้อย

จากอำเภออัมพวามาต่อกันที่อำเภอบางคนที ซึ่งมีตลาดน้ำเล็กๆน่ารักๆให้ได้ไปเที่ยวกัน ได้แก่ “ตลาดน้ำบางนกแขวก” (ต.บางนกแขวก เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดเก่าแก่นับร้อยปีตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางนกแขวกต่อกับแม่น้ำแม่กลอง ที่นี่เคยเป็นแหล่งการค้าที่คึกคักในอดีต และยังเป็นบ้านเกิดของ “อภิเดช ศิษย์หิรัญ” นักมวยไทยฉายาจอมเตะแห่งบางนกแขวกผู้โด่งดังในอดีตอีกด้วย
ร้านขายของเล่นน่ารักๆ ที่ตลาดน้ำบางนกแขวก
ตลาดน้ำบางนกแขวกวันนี้ยังมีร่องรอยของอดีตให้ได้ชมกันจากเรือนแถวไม้เก่าแก่ริมแม่น้ำที่ปลูกติดต่อกัน บ้างยังเปิดร้านขายยาจีนเก่าแก่ บ้างเปิดเป็นร้านรวงขายของที่ระลึกให้เดินเล่นได้เพลินๆ และที่ไม่อยากให้พลาดคือการมาชิมของอร่อยที่ตลาดน้ำบางนกแขวก ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวปู ข้าวแห้ง ผัดไทยกุ้งสด ขนมจีนซาวน้ำ ฯลฯ
อาสนวิหารแม่พระบังเกิด
และที่อยู่ติดกันเพียงคลองบางนกแขวกกั้นนั้นก็คือ “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” หรือ “โบสถ์บางนกแขวก” (ต.บางนกแขวก) โบสถ์คริสต์ที่สร้างขึ้นในสมัย ร.5 งดงามด้วยสถาปัตยกรรมกอธิค มียอดแหลมพุ่งเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในประดับด้วยภาพเขียนบนกระจกสีจากฝรั่งเศส วาดเป็นเรื่องราวของพระเยซูและประวัติพระแม่มารีอา งดงามน่าชมยิ่งนัก
ร้านน่ารักๆ ที่ตลาดน้ำบางน้อย
อ.บางคนที ยังมีอีกหนึ่งตลาดน่ารักๆ ชวนให้ไปสัมผัสกันคือ “ตลาดน้ำบางน้อย” (ต.กระดังงา เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ที่น่ายลไปด้วยบรรยากาศของร้านค้าในห้องแถวไม้ริมน้ำอันสุดคลาสสิก บางมุมของตลาดเปิดเป็นร้านกาแฟน่ารักๆ ให้ได้นั่งพักชมบรรยากาศริมน้ำกัน ชิลล์ดีไม่น้อย
ชิมผลไม้กลับชาติที่บ้านบางพลับ
และสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวชมวิถีชีวิต ต้องมาที่ “ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านบางพลับ” (ต.บางพรม) ซึ่งที่นี่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจาก ททท. ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างอาชีพให้คนในชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีฐานในการเรียนรู้ตั้งอยู่ตามบ้านของสมาชิกในพื้นที่ละแวกบ้านบางพลับให้ไปเยี่ยมชม

ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพเกษตรกรทั้งสวนผักและสวนผลไม้ การมาเที่ยวที่นี่จึงถือเป็นการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งในเรื่องการทำ “น้ำตาลมะพร้าว” ภูมิปัญญาการทำ “ผลไม้กลับชาติ” ซึ่งเป็นทั้งการแปรรูปและการถนอมอาหาร ด้วยการนำผัก ผลไม้ที่มีรสชาติขมมาแช่อิ่ม กลายเป็นของหวานแบบไทยๆ ชมและชิม “ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่” ส้มโอพันธุ์พื้นบ้านของที่นี่
ปลาทูแม่กลอง มีเอกลักษณ์คือ “หน้างอคอหัก”
“เมืองสมุทรสงคราม” เลื่องชื่อดอนหอยหลอด-ตลาดร่มหุบ

ปิดท้ายเสน่ห์เมืองแม่กลองกันที่ อ.เมืองสมุทรสงคราม อำเภอที่เป็นส่วนหนึ่งของปากอ่าวไทย (อ่าว ก.ไก่) อันอุดมสมบูรณ์ มีการทำประมงโดยทั่วไป โดยเฉพาะ“ปลาทูแม่กลอง” และ “หอยหลอด” ที่ต่างก็ถือเป็นของดีสมุทรสงครามอันเลื่องชื่อ
บรรยากาศของดอนหอยหลอด
ปลาทูแม่กลอง มีเอกลักษณ์คือ “หน้างอคอหัก” และขึ้นชื่อในเรื่องมีเนื้อแน่นรสชาติอร่อย ขณะที่หอยหลอดนั้น จะมีแหล่งอยู่ที่ “ดอนหลอยหลอด” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของเมืองไทย

“ดอนหอยหลอด” (ต.บางจะเกร็ง) ซึ่งเป็นบริเวณสันดอนปากอ่าวแม่น้ำแม่กลอง ลักษณะดินของที่นี่จะเป็นดินปนทราย หรือทรายขี้เป็ด ซึ่งเหมาะกับการอยู่อาศัยของหอยหลอด ในช่วงน้ำลงจึงได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่กระจายตัวกันออกหาหอยหลอดมาขายให้แก่ร้านอาหารและนักท่องเที่ยวทั่วไป รวมถึงริมทะเลก็ยังมีร้านขายสินค้าอาหารทะเลทั้งสดและแห้ง รวมถึงร้านอาหารให้เลือกชิม ทั้งยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” หรือ “เสด็จเตี่ย” ที่ผู้คนนิยมมากราบสักการะขอพรกันอีกด้วย
พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดร่มหุบ หุบร่มรอรถไฟผ่าน
ใน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ยังมีอีกหนึ่งจุดสำคัญอันได้ชื่อว่าเป็นอะเมซิ่งไทยแลนด์นั่นก็คือ “ตลาดร่มหุบ”

ตลาดร่มหุบ หรือ “ตลาดแม่กลอง” (ต.แม่กลอง) เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลในระดับโลกในเรื่องของความเป็นตลาดที่น่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากตัวตลาดตั้งอยู่ริมทางรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง เรียกได้ว่าแนบชิดรางรถไฟเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่รถไฟใกล้จะแล่นผ่านมา เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็ต้องรีบวางมือจากการขายของมาเก็บแผงที่วางล้ำเข้าไปในทางรถไฟ รีบหุบร่มเก็บผ้าใบกันสาดที่กางเลยออกมา

ส่วนผู้คนที่เดินซื้อของก็ต้องหยุดซื้อขายต่อรองกันชั่วขณะรอให้รถไฟผ่านไปก่อน ช่วงที่ต้องรีบเก็บแผงเพื่อให้รถไฟแล่นผ่านไปอย่างใกล้ชิดนั้นเป็นความตื่นเต้นลุ้นระทึกและอะเมซิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก
กราบหลวงพ่อบ้านแหลม
ขณะที่ใกล้ๆกับตลาดรุ่มหุบขนาดเดินถึงกันได้ เป็นที่ตั้งของวัดคู่บ้านคู่เมืองแม่กลองอย่าง “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” หรือ “วัดบ้านแหลม” (ต.แม่กลอง) อันมี “หลวงพ่อบ้านแหลม” พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ เชื่อกันว่าหลวงพ่อบ้านแหลมนี้เป็นหนึ่งในห้าพระพุทธรูป 5 พี่น้อง หรือ “เบญจภาคีวารีปาฏิหาริย์” หนึ่งในพระพุทธรูปที่มีตำนานเล่าว่าลอยน้ำมาจนมีผู้มาพบเจอและได้นำพระพุทธรูปขึ้นจากน้ำและนำไปประดิษฐานไว้ตามวัดใกล้เคียงกับจุดที่ชะลอองค์พระขึ้นจากแม่น้ำนั่นเอง
มุมหนึ่งองค์พระปฐมเจดีย์
“นครปฐม” องค์พระงามสง่า-สนามจันทร์น่ายล

เที่ยวครบเครื่องในสมุทรสงครามกันไปแล้ว มาเพลินกันต่อที่ “นครปฐม” กันบ้าง แน่นอนว่าสัญลักษณ์ของเมืองนครปฐมที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีก็คือ “องค์พระปฐมเจดีย์” หรือที่ชาวนครปฐมมักเรียกกันติดปากว่า “องค์พระ” ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครปฐม ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร (ต.องค์พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง)
พระร่วงโรจนฤทธิ์
องค์พระปฐมเจดีย์ถือเป็นพระมหาเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความเป็นมายาวนานย้อนกลับไปถึงยุคทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) บริเวณองค์พระมีพระพุทธรูปสำคัญคือ “พระร่วงโรจนฤทธิ์” พระพุทธรูปปางห้ามญาติศิลปะสุโขทัย เป็นที่เคารพบูชาอย่างยิ่งของชาวนครปฐม
พระตำหนักชาลีมงคงอาสน์แห่งพระราชวังสนามจันทร์
ในเมืองนครปฐมยังเป็นที่ตั้งของ “พระราชวังสนามจันทร์” (ต.สนามจันทร์ อ.เมือง) พระราชวังอันงดงามที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร

ภายในพระราชวังมีพระที่นั่งอันมีชื่อไพเราะคล้องจองกัน ได้แก่ พระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี พระที่นั่งวัชรีรมยา พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์
สะพานไม้ทางเดินเชื่อมสู่พระตำหนักนารีราชรัตน์บัลลังก์
อีกทั้งยังมี “พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์” ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของพระราชวังสนามจันทร์ กับพระตำหนักที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ของฝรั่งเศสกับอาคารแบบฮาล์ฟ ทิมเบอร์ของอังกฤษ ด้านหน้าพระตำหนักมีอนุสาวรีย์ย่าเหล สุนัขซึ่งมีความผูกพันใกล้ชิดกับ ร.6 เป็นอย่างยิ่ง

ส่วนด้านหลังพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์มีทางเดินเป็นสะพานเชื่อมต่อข้ามบึงน้ำไปยัง “พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์” ซึ่งเป็นเรือนไม้ 2 ชั้นทาสีแดง ภาพสะท้อนน้ำของสะพานทางเดินระหว่างสองพระตำหนักนี้เป็นภาพที่สวยงามโรแมนติกจนทำให้หลงรักพระราชวังแห่งนี้ได้ไม่ยาก
เลือกซื้อขนมสารพัดอย่างที่ตลาดน้ำดอนหวาย
“ดอนหวาย-ลำพญา” เสน่ห์ตลาดริมน้ำ ณ นครปฐม

ด้วยวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำของแม่น้ำท่าจีนที่ไหลผ่านจังหวัด ทำให้นครปฐมมีตลาดริมน้ำหลายแห่งให้เราได้ไปเที่ยวกัน นำโดย “ตลาดน้ำดอนหวาย” หรือ “ตลาดดอนหวาย” (ต.บางกระทึก อ.สามพราน) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนในบริเวณวัดดอนหวาย

ตลาดน้ำดอนหวายโดดเด่นในเรื่องอาหารทั้งคาวหวานที่หลากหลาย รวมไปถึงผลผลิตประเภทพืชผักผลไม้จากชาวสวนในบริเวณใกล้เคียง ที่สำคัญคือเปิดให้บริการทุกวันไม่ต้องรอวันหยุด
บรรยากาศของตลาดดอนหวาย
กราบหลวงพ่อไร่ขิง
เมื่อมาเที่ยวตลาดน้ำดอนหวายแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเลือกที่จะมาไหว้พระกันต่อที่ “วัดไร่ขิง” (ต.ไร่ขิง อ.สามพราน) ที่มี “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในห้าพระพุทธรูป 5 พี่น้อง หรือ “เบญจภาคีวารีปาฏิหาริย์” (เช่นเดียวกับหลวงพ่อบ้านแหลมแห่งสมุทรสงคราม) ซึ่งแต่ละวันจะมีผู้คนเดินทางมากราบไหว้ท่านกันเป็นจำนวนมาก
ของกินหลากหลายที่ตลาดน้ำลำพญา
นอกจากตลาดน้ำดอนหวายแล้ว จ.นครปฐม ยังมี “ตลาดน้ำวัดลำพญา” หรือ “ตลาดน้ำลำพญา”เป็นอีกหนึ่งตลาดอันโดดเด่น

ตลาดน้ำลำพญา (ต.ลำพญา อ.บางเลน เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งอยู่ในวัดลำพญา ศาสนสถานอันเก่าแก่นับร้อยปี ตลาดน้ำแห่งนี้ละลานตาไปด้วยอาหารสารพัดชนิดที่ขายกันอยู่บนแพริมแม่น้ำท่าจีนที่มีมากนับสิบ มีทั้งอาหารสดจำพวกพืชผักผลไม้ที่ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตผลของชาวบ้านริมสองฝั่งน้ำ และอาหารปรุงสำเร็จพร้อมเสิร์ฟให้นักท่องเที่ยว ทั้งหมูสะเต๊ะ กุ้งเผา ปลาเผา หอยทอด ผัดไทย ส้มตำ และอีกสารพัดอย่างที่บรรยายได้ไม่หมด ต้องลองมาเลือกชิมเอง
แพอาหารมีนักท่องเที่ยวมานั่งกินอาหารกันเป็นจำนวนมาก
หากใครกินอิ่มแล้วอยากจะชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำท่าจีน ที่ตลาดก็มีเรือนำเที่ยวให้บริการเป็นรอบๆ หรือจะเดินเล่นไหว้พระ “หลวงพ่อมงคลมาลานิมิต” แห่งวัดลำพญา หรือเดินชมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านตลาดน้ำวัดลำพญาที่อยู่ภายในวัดก็ได้เช่นกัน
งานแกะสลักจากรากไม้ใน วู้ดแลนด์
พิพิธภัณฑ์ล้ำค่าคู่เมืองนครปฐม

ในนครปฐมเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ “วู้ดแลนด์ เมืองไม้” (ต.ดอนแฝก อ.นครชัยศรี) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บสะสมงานไม้แกะสลักชั้นเยี่ยมนับพันๆ ชิ้นของนายณรงค์ ทิวไผ่งาม ที่รักและชื่นชอบในงานไม้ ได้เสาะแสวงหารากไม้จากต้นไม้ที่ตายแล้วมาให้ช่างแกะสลักเป็นรูปทรงต่างๆ อีกทั้งยังสะสมงานแกะสลักไม้ที่ใช้ช่างฝีมือทั้งไทยและต่างชาติในแถบเอเชีย รวมถึงวัตถุโบราณล้ำค่าอายุ 200-300 ปี รวมแล้วหลายพันชิ้นเลยทีเดียว คนรักงานไม้ได้เข้าไปชมรับรองว่าต้องหลงรัก
หุ่นขี้ผึ้งพระอริยสงฆ์ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
“พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” (ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี) ตำนานหุ่นขี้ผึ้งไทยที่ไม่แพ้หุ่นขี้ผึ้งชื่อดังของโลก เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ อ.ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ และคณะ ที่สร้าง “หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส” ขึ้นเป็นประติมากรรมแห่งชีวิตรูปบุคคลสำคัญต่างๆ ที่แลดูเหมือนจริง ทั้งสีสัน เส้นผม ลายผิว แววตา โดยมีหุ่นขี้ผึ้งหลายชุด อาทิ “พระอริยสงฆ์” “หุ่นขี้ผึ้งชุดพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์จักรี” ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-8 “นิทรรศการพิเศษ 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” เป็นต้น
รถโบราณน่ารักที่เจษฎา เทคนิค มิวเซียม
“เจษฎา เทคนิค มิวเซียม” (ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี) พิพิธภัณฑ์รถโบราณที่ก่อตั้งโดย คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ นักธุรกิจชาวไทย ที่รวบรวมรถยนต์หายากไว้มากมาย โดยมีรถโบราณทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์และจักรยานนับพันคัน บางคันดูน่ารัก บางคันดูเท่ล้ำสมัย บางคันดูสวยคลาสสิก คนชอบรถยนต์ดูกันเพลินแน่นอน
ถนนสายชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน
“ชมพูพันธุ์ทิพย์-ดอกบัวงาม” ความฝันผลิบานที่นครปฐม

ในจังหวัดนครปฐมยังถูกคัดเลือกให้เป็นสถานที่ชมดอกไม้สวยๆ ในโครงการ “Dream Destinations 2 กาลครั้งนั้น ความฝันผลิบาน” ภายใต้แคมเปญ “หลงรักประเทศไทย” ที่ ททท. ได้คัดสรรสุดยอดเส้นทางสายดอกไม้จากทั่วประเทศหลากหลายเส้นทางมาให้คนรักดอกไม้ได้ตามไปชมกันถึงสองแห่งด้วยกัน

แห่งแรกคือ “อุโมงค์ชมพูพันธุ์ทิพย์” ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน (อ.กำแพงแสน) โดย ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ได้ปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์พร้อมๆ กับการจัดตั้งวิทยาเขต โดยปลูกเป็นแถวยาวกว่า 2 ก.ม. บริเวณริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์ หรือที่นักศึกษาเรียกกันว่า “ถนนหลังมอ” และอีกจุดหนึ่งบริเวณรอบๆ สระน้ำพระพิรุณ ซึ่งปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์กลางสนามหญ้าบนลานกว้าง เมื่อดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ออกดอกพร้อมๆ กันในราวเดือนก.พ.-มี.ค. ก็ทำเอา ม.เกษตรฯ กำแพงแสนเป็นสีชมพูหวานกันเลยทีเดียว
วิถีชีวิตที่งดงามของชาวเกษตรนาบัวคลองมหาสวัสดิ์
ส่วนเส้นทางชมดอกไม้แห่งที่สองคือ “นาบัวคลองมหาสวัสดิ์” ที่มีดอกบัวให้ชมตลอดปี เพราะเป็นนาบัวที่ปลูกเพื่อตัดดอกขาย โดยการทำนาบัวถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพของชาวคลองมหาสวัสดิ์ที่ทำสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน โดยในย่านคลองมหาสวัสดิ์ บริเวณหมู่ 3 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล มีเกษตรกรที่ทำนาบัวอยู่ประมาณ 9 ราย ด้วยกัน อาทิ นาบัวลุงแจ่มที่จะมีการเก็บดอกบัวกันในช่วง 7 โมงเช้าถึงเที่ยง โดยการเก็บดอกบัวนั้นใช้วิธีลุยน้ำที่ลึกประมาณเอวลงไปตัดดอกบัวทีละดอกๆ เป็นภาพวิถีชีวิตที่งดงามนัก

....

และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของเส้นทาง “สมุทรสงคราม plus นครปฐม” ที่มากไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากหลาย ชวนให้ผู้สนใจออกไปสัมผัสกับสีสันของ 2 เมืองต้องห้ามพลาดใกล้กรุงฯ ซึ่งจะชวนให้เราหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *  

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทาง เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส “สมุทรสงคราม plus นครปฐม” ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม (รับผิดชอบพื้นที่สมุทรสงคราม, นครปฐม, สมุทรสาคร) โทร.0 3475 2847-8

* * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น