xs
xsm
sm
md
lg

“น้ำตาล” กินแล้วสดชื่น แต่ไม่มีคุณค่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เวลาที่อากาศร้อนๆ หรือรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา เชื่อว่าหลายคนคงร้องเรียกหาเครื่องดื่มหวานๆ เย็นๆ หรือจะเป็นขนมหวานๆ มาดื่มกินให้ชื่นใจ ซึ่งเมื่อดื่มเข้าไปแล้วก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น “108 เคล็ดกิน” มีคำตอบมาให้

ทั้งเครื่องดื่ม ขนม และของหวานต่างๆ นี้ ก็มีความหวานมาจากน้ำตาล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลชนิดใดก็จะให้ความหวาน และมีประโยชน์ในด้านการให้พลังงานแก่ร่ายกาย โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคสที่มีหน้าที่ให้พลังงานแก่สมอง และช่วยกระตุ้นการหลั่งของสารเคมีในสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่นและอารมณ์ดีขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของสาเหตุที่เราดื่มน้ำหวานเข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

แต่ความสดชื่นแบบนั้นก็อยู่กับร่างกายเราไม่นาน เพราะระดับน้ำตาลในเลือกที่เพิ่มขึ้นเร็วเท่าไหร่ ก็จะลดลงเร็วเท่านั้น เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดจะถูกควบคุมให้อยู่ในภาวะสมดุลโดยฮอร์โมนจากตับอ่อนที่มีชื่อว่าอินซูลิน

ส่วนคนที่บริโภคน้ำตาลเข้าไปในปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการใช้ พลังงานส่วนเกินนี้ก็จะถูกเก็บสะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นพลังงานสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น นอกจากนี้ ร่างกายก็ยังเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินให้กลายเป็นไขมันได้อีกด้วย ฉะนั้น คนที่ชอบกินของหวานๆ ก็จะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ก็มักจะบริโภคน้ำตาลจากธรรมชาติเกินความต้องการของร่างกาย จากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง ก๋วยเตี๋ยว ผักและผลไม้ และยังมีน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ในอาหารประเภทอื่นๆ อีก ทั้งเครื่องปรุงรสต่างๆ อาหารกึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่มอื่นๆ (นอกจากน้ำเปล่า) ฯลฯ

น้ำตาลนั้นเป็นสารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่หากว่ารับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไปในระยะเวลานานๆ จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรืออาจขาดสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย และอาจจะเป็นโรคต่างๆ อันมีสาเหตุมาจากน้ำตาลได้

ฉะนั้น เราควรจะมีวิธีการกินน้ำตาลให้ปลอดภัย และมีสุขภาพแข็งแรง โดยการลดปริมาณน้ำตาลในการปรุงอาหาร ลดการเติมน้ำตาลสำหรับการปรุงรส ทั้งในอาหารและเครื่องดื่ม หรือหากจะดื่มน้ำหวานๆ แนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้สด (ถ้าไม่ผสมน้ำตาลก็ยิ่งดี) แทนน้ำอัดลม

กินผลไม้สดแทนของหวาน เพราะจะได้รับน้ำตาลน้อยกว่า จะยังมีวิตามิน เกลือแร่ และกากอาหาร แต่หากว่าชีวิตขาดหวานไม่ได้ ก็ให้เลือกใช้น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลทรายสีรำ แทนการใช้น้ำตาลทรายขาว เพราะจะให้วิตามินและเกลือแร่มากกว่า

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น