xs
xsm
sm
md
lg

ททท.มาไม้ไหน??? เตรียมจับมือกัมพูชาบูมเที่ยวอีสานรับมรดกโลก“พระวิหาร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่ามกลางความโศกเศร้าของคนไทยส่วนใหญ่ต่อกรณีปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว แต่ปรากฏว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กลับฉวยโอกาสนี้บูมการท่องเที่ยวภาคอีสานด้วยการเตรียมเจรจาการท่องเที่ยวร่วมกับกัมพูชาและวางแผนการตลาดร่วมรับมรดกโลกเขาพระวิหาร โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนไทย ด้านเทพมนตรีอัดททท. ควรจัดการกับระบบท่องเที่ยวในประเทศให้ดีก่อน

รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หัวข้อข่าว ททท.ชูเที่ยวอีสานรับ’พระวิหาร’ มรดกโลก(หน้า 3 ฉบับวันที่ 10 ก.ค.51) ระบุว่า ททท.เตรียมเจรจาท่องเที่ยวกัมพูชา วางแผนตลาดร่วม หวังอานิสงส์ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลก กระตุ้นการท่องเที่ยวอีสานบูม เผยรอสถานการณ์ขัดแย้งคลี่คลายก่อนเจรจาท่องเที่ยวกัมพูชา

โดย นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า หลังจากที่ยูเนสโกตัดสินให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว ททท.มีความสนใจที่จะเข้าไปเจรจากับการท่องเที่ยวกัมพูชาเพื่อวางแผนการตลาด กระตุ้นการท่องเที่ยวร่วมกัน เหมือนกับที่ ททท.ได้ทำแผนการตลาดเชื่อมโยงประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม และจีน

ทั้งนี้ ผู้ว่าการททท. เปิดเผยว่า นอกจากการกระตุ้นการท่องเที่ยว 2 ประเทศแล้ว ททท. อาจมีแนวคิดทำตลาดพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา เช่น ตลาดโรงเกลือ ซึ่งคาดว่าจะมีความน่าสนใจมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวทางบก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวระดับกลาง-ล่าง หรือกลุ่มที่เข้ามาท่องเที่ยวเอง

“อานิสงส์มรดกโลกใหม่ของเพื่อนบ้านเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กลับมาท่องเที่ยวซ้ำในประเทศไทย ถือเป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่จะสร้างความน่าสนใจให้คนที่สนใจเที่ยวในประเทศไทยกลับเข้ามา ทั้งยังดึงกลุ่มท่องเที่ยวที่เข้ามาในกัมพูชา ให้เข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มด้วย”ผู้ว่าการททท. กล่าว

ในขณะที่ นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านการตลาดในประเทศ เผยว่า ขณะนี้ ททท. กำลังจับตาดูสถานการณ์ความขัดแย้งปัญหาดังกล่าวที่กลายเป็นปัญหาทางการเมืองให้คลี่คลายก่อน จากนั้นจะทำแผนด้านการท่องเที่ยวในจุดดังกล่าวอีกครั้ง

เบื้องต้นเชื่อว่า ททท.จะเน้นทำตลาดระหว่างกัน โดยไทยจะเน้นนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสานที่มีอยู่จำนวนมาก และวางคอนเซ็ปต์ก่อนหน้านี้ไปในทางเดียวกันคือ “ศูนย์การเรียนรู้ สู่วัฒนธรรม” รวมทั้งเปิดผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ โดยเฉพาะในอีสานตอนใต้ เช่น แหล่งวัฒนธรรม,วิถีชีวิต และสวนผลไม้

“ปราสาทพระวิหารจะเป็นที่รู้จักในโลกมากขึ้นหลังจากนี้ จะทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวแน่นอน แต่ตอนนี้ปัญหาการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ยังต้องรอเวลา” นายวันเสด็จกล่าว

นอกจากนี้ในรายงานข่าวดังกล่าวยังระบุว่า ทางสมาคมธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศ(สทน.)ก็มีแผนที่จะนำมรดกโลกพระวิหารมาเป็นจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยว โดยนางสาวมัยรัตน์ พีระญาโกศล นายกสทน. เปิดเผยว่า ไทยจะได้รับผลดีมากกว่าผลเสียจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระเวิหารเป็นมรดกโลกโดยเฉพาะการท่องเที่ยวในภาคอีสานตอนใต้ ซึ่งที่ผ่านมา จุดดังกล่าวได้รับความสนใจน้อยที่สุดในภาคอีสาน

นางสาวมัยรัตน์ ยังเปิดเผยอีกว่า เพื่อรองรับกระแสดังกล่าว สมาคมอยู่ระหว่างร่างเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ คือ เส้นทางมรดกโลก และเส้นทางอารยธรรมขอม เพื่อเสนอแก่ ททท.ในการร่วมกันส่งเสริมภายในสัปดาห์หน้า โดยเชื่อว่า แหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นมรดกโลกทั้ง 4 จุดของไทย และการท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านวิถีชีวิต และวัฒนธรรมในจังหวัดใกล้เคียง เช่น ศรีสะเกษ และสุรินทร์ จะได้รับผลประโยชน์สูงสุด

“สทน.คิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนด้านการท่องเที่ยวที่ ททท.ควรรีบดำเนินการ เพราะจากกระแสข่าว หรือความใหม่ของมรดกโลกจะดึงดูดความสนใจ นำการท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงทัวร์ต่างๆเข้าไปเที่ยวในระยะใกล้ ทั้งยังคาดว่าจะทำให้เกิดเงินสะพัดในการท่องเที่ยวภาคอีสานอีกครั้ง แต่ต้องอยู่ภายใต้ปัจจัยการเมืองด้วย” นางสาวมัยรัตน์ กล่าว

ด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์อิสระ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้จากรายงานข่าวดังกล่าวว่า การที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวตามแหล่งมรดกโลกผมก็ไม่เห็นด้วยมันมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป

“คุณจะบ้าหรือเปล่าคิดเหรอว่ากัมพูชาจะปล่อยให้คุณเข้าไปวุ่นวายแค่มรดกโลกในไทยอย่างสุโขทัย อยุธยาคุณยังดูแลไม่ได้เลย ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องไปทุ่มงบประมาณตรงนั้น ที่ผ่านมาตามมรดกโลกแหล่งต่างๆททท.ลองมองดูว่าเสียงบประมาณเท่าไหร่แล้วได้อะไรคืนมาบ้าง ผู้ว่าททท.ลองคิดดูก่อนมาเถียงผมว่าฝรั่งที่เที่ยวมรดกโลกในไทยกับฝรั่งที่เที่ยวผู้หญิง กินอาหารไทยอย่างไหนเยอะกว่ากัน เมื่อยังจัดการกับระบบท่องเที่ยวภายในประเทศไม่ได้ แล้วจะไปจัดการกับการท่องเที่ยวเขาพระวิหารที่ยังมีปัญหาอยู่ได้หรือ” นายเทพมนตรีกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น