“กาแฟดำ” หนุน “การเมืองใหม่” ชี้ พันธมิตรฯ มาถูกทาง แต่ “ให้ยายังไม่ถูกโรค”

ผู้จัดการออนไลน์ – “สุทธิชัย หยุ่น” หนุนการเมืองใหม่ที่เสนอโดยแกนนำพันธมิตรฯ ชี้เป็นการจุดประกายความคิดเพื่อทลายกำแพงการเมือง ของ “นักเลือกตั้ง” ไปสู่ “การเมืองภาคประชาชน” ได้ แต่แสดงความเป็นห่วงว่าต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น และต้องเปิดกว้างรับความคิดเห็นจากคนทุกวงการจริง ไม่จำกัดกลุ่มเฉพาะพันธมิตรฯ

ในหน้าที่ 2 ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันนี้ (8 ก.ค.) ในคอลัมน์กาแฟดำ ของ นายสุทธิชัย หยุ่น สื่ออาวุโสและผู้บริหารในเครือเนชั่น ได้กล่าวถึงเรื่องการเมืองใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอขึ้นมาระหว่างการชุมนุมในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้หัวเรื่องว่า “การเมืองใหม่ ... คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ การเมืองภาคประชาชนvsนักเลือกตั้ง”

นายสุทธิชัย ได้กล่าวถึงข้อเสนอเรื่อง “การเมืองใหม่” ของแกนนำพันธมิตรฯ ว่า หากเป้าหมายที่แท้จริงของแกนนำพันธมิตรฯเป็นการเสนอวิธีคิดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เพื่อลดอิทธิพลของ “นักเลือกตั้ง” ก็ต้องถือว่าการเสนอเรื่องการเมืองใหม่ดังกล่าวก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง

“ความจริงในหลายๆ กรณี บทบาทของพันธมิตรฯ และกลุ่มพัฒนาเอกชน และเอ็นจีโอ อื่นๆ ก็ได้ทำหน้าที่ในฐานะเป็นส่วนสำคัญของ “การเมืองภาคประชาชน” ที่เป็นพลังถ่วงดุลอำนาจกระแสหลักในระบอบประชาธิปไตยรัฐสภาที่มีประสิทธิภาพไม่น้อย

“หากพันธมิตรฯจะปรับบทบาทการแสดงออกในที่สาธารณะ เพื่อทำหน้าที่เป็น “หูตา” ของประชาชนทั้งในที่แจ้งและที่ลับ และยื่นมือประสานกับกลุ่มต่างๆ ในสังคมที่ต่อสู้ในประเด็นของสังคมอื่นๆ อย่างเปิดกว้างและต่อเนื่อง คำว่า “การเมืองใหม่” ที่ต้องการจะยกระดับของการต่อสู้ให้ได้มา ซึ่ง “การเมืองภาคประชาชน” ที่เข้มแข็งกว่าที่เป็นอยู่ก็จะมีความหมายในภาคปฏิบัติอย่างจริงจังมากขึ้น”

ทว่า นายสุทธิชัย ได้แสดงทัศนะว่า “การเมืองใหม่” ในความหมายของพันธมิตรฯ ไม่ควรจะกลายเป็นเพียงวาทะระหว่างการชุมนุม หรือเป็นสิ่งที่สงวนลิขสิทธิ์แต่เพียงในหมู่พันธมิตรฯ แต่ต้องเป็นการระดมสมองจากสังคมวงกว้าง นอกจากนี้ ต้องเป็นแนวคิดที่ฝ่าข้ามบรรยากาศแห่งความแตกแยกและแบ่งข้างอย่างสุดขั้วอีกด้วย

“... วิธีนำเสนอ “การเมืองใหม่” ของแกนนำพันธมิตรฯวันนี้นั้น แม้จะวินิจฉัยโรคได้ใกล้เคียงความจริงไม่น้อย แต่ยังไม่สามารถให้ยารักษาที่ถูกขนานได้ ...” นายสุทธิชัยกล่าว ขณะที่กล่าวถึงสูตร “เลือกตั้ง 30 สรรหา 70” ของพันธมิตรฯว่าอาจจะถูกตีความว่ามี “วาระซ่อนเร้น” ได้