ศรีสะเกษ - ชาวศรีสะเกษเดินประท้วงพร้อมแจกจ่ายใบปลิวค้านมติขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ของยูเนสโก รอบเมืองกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเปิดเวทีจวกรัฐบาลและ “นพเหล่” รู้เห็นเป็นใจขายแผ่นดินเขาพระวิหารให้ต่างชาติ ชี้เป็นความเจ็บปวดที่ต้องจารึกอยู่ในหัวใจของประชาชนชาวศรีสะเกษและชาวไทยทั้งชาติตลอดไป ลั่นคนขายชาติต้องได้รับกรรมอย่างสาสมและควรโอนสัญชาติย้ายไปกับเขมร
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนสินประดิษฐ์ ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนชาวกันทรลักษ์ นำโดย นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ พร้อมด้วยแกนนำกลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหาร- มณฑลบูรพา และ เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตยจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินขบวนถือป้ายคัดค้านมติคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก ที่เห็นชอบขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ไปตามถนนทุกสายในเขตเทศบาลเมืองกันทรลักษ์
พร้อมทั้งแจกใบปลิวชี้แจงเหตุผลเกี่ยวกับการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวให้ประชาชนชาวกันทรลักษ์ได้ทราบด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ เป็นอย่างมาก
จากนั้นได้เคลื่อนขบวนไปสมทบกับกลุ่มสภาสหธรรมมิกภาคอีสาน พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรทุกองค์กร เช่น กลุ่มคนรักบ้านเกิดกันทรลักษ์ กลุ่มสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ กลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อร่วมกันเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายครั้งใหญ่และจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา โดยมี ประชาชนชาวกันทรลักษ์พากันมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก
นายรณชิต ทุ่มโมง ประธานสมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เหตุการณ์การเสียดินแดนที่เขาพระวิหารจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวของกัมพูชาในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์แห่งความเจ็บปวดที่ต้องจารึกอยู่ในหัวใจของประชาชนชาวศรีสะเกษ และชาวไทยทั้งชาติตลอดไป
เนื่องจากว่าเป็นการเสียดินแดนเขาพระวิหารที่มีคนในรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจกับต่างชาติและลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา และเห็นชอบแผนที่ให้กับกัมพูชาโดยไม่ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกระบวนการทางรัฐสภา เป็นการยกแผ่นดินไทยบ้านเกิดของตัวเองให้กับกัมพูชาโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง
“ดังนั้น รัฐมนตรีที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในเรื่องนี้ ต้องได้รับโทษกรรมตามกฎหมายอย่างสาสมและ ควรที่จะโอนสัญชาติย้ายบ้านไปอยู่กับกัมพูชาที่เขายอมทำทุกอย่างให้” นายรณชิต กล่าว
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนสินประดิษฐ์ ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนชาวกันทรลักษ์ นำโดย นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ พร้อมด้วยแกนนำกลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหาร- มณฑลบูรพา และ เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตยจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินขบวนถือป้ายคัดค้านมติคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก ที่เห็นชอบขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ไปตามถนนทุกสายในเขตเทศบาลเมืองกันทรลักษ์
พร้อมทั้งแจกใบปลิวชี้แจงเหตุผลเกี่ยวกับการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวให้ประชาชนชาวกันทรลักษ์ได้ทราบด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ เป็นอย่างมาก
จากนั้นได้เคลื่อนขบวนไปสมทบกับกลุ่มสภาสหธรรมมิกภาคอีสาน พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรทุกองค์กร เช่น กลุ่มคนรักบ้านเกิดกันทรลักษ์ กลุ่มสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ กลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อร่วมกันเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายครั้งใหญ่และจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา โดยมี ประชาชนชาวกันทรลักษ์พากันมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก
นายรณชิต ทุ่มโมง ประธานสมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เหตุการณ์การเสียดินแดนที่เขาพระวิหารจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวของกัมพูชาในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์แห่งความเจ็บปวดที่ต้องจารึกอยู่ในหัวใจของประชาชนชาวศรีสะเกษ และชาวไทยทั้งชาติตลอดไป
เนื่องจากว่าเป็นการเสียดินแดนเขาพระวิหารที่มีคนในรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจกับต่างชาติและลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา และเห็นชอบแผนที่ให้กับกัมพูชาโดยไม่ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกระบวนการทางรัฐสภา เป็นการยกแผ่นดินไทยบ้านเกิดของตัวเองให้กับกัมพูชาโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง
“ดังนั้น รัฐมนตรีที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในเรื่องนี้ ต้องได้รับโทษกรรมตามกฎหมายอย่างสาสมและ ควรที่จะโอนสัญชาติย้ายบ้านไปอยู่กับกัมพูชาที่เขายอมทำทุกอย่างให้” นายรณชิต กล่าว