“เจ้ากระทรวงบัวแก้ว” จนกระดานกล่าวโทษยูเนสโกได้รับข้อมูลผิดพลาด เชิญผอ.ยูเนสโกประจำไทยหารือ ปัดไม่เคยลงนามขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ยันแค่เซ็นกำกับห้ามแก้ไขข้อความ
วันนี้ (3 ก.ค.) นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่องค์การยูเนสโกส่งจดหมายถึงวุฒิสภาว่า เนื้อหาในจดหมายนั้นมีข้อความไม่ถูกต้อง ตนไมเคยไปเซ็นเอกสาร ในวันที่ 22 พ.ค.ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งวันที 22 พ.ค.ที่มีการลงนามกันนั้นเป็นเพียงแค่การลงนามเบื้องต้นเพื่อเป็นการกำกับไว้ว่าอย่าไปแก้ไขข้อความใดๆ นอกจากนั้นก็ยังมีข้อความที่ชัดเจนกำกับไว้ว่า ห้ามมีผลผูกพันจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งไม่ได้มีอะไรที่ปกปิดซ่อนเร้นแต่อย่างใด ฉะนั้น เอกสารที่ลงในวันที่ 22 พ.ค.ก็เป็นแค่เอกสารกำกับ ไม่ได้เป็นการลงนามมีข้อผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากทางยูเนสโกได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด เราจึงได้เชิญ นายเชลดอน เชฟเฟอร์ ผู้อำนวยการยูเนสโกประจำประเทศไทยมาหารือที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อที่จะยื่นหนังสือทักท้วงไปยังองค์การยูเนสโก ณ กรุงปารีส เพื่อไปแก้ไขข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
นายนพดล กล่าวต่อว่า จากการหารือของนายธนะ ดวงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทยประจำยูเนสโกและประจำกรุงปารีส ได้หารือเบื้องต้นกับเอกอัครราชทูตฟรานเชสโก คารูโซ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ให้เป็นผู้ประสานงานระหว่างไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เขารับทราบแล้วว่าประเทศไทยต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาล เพราะฉะนั้น ทางยูเนสโกประจำประเทศไทยบอกว่าเขาไม่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ส่วนที่มีอำนาจต้องเป็นยูเนสโกประจำกรุงปารีส และคณะกรรมการมรดกโก 21 ประเทศ
“เนื่องจากศาลสั่งห้ามผมพูดถึงข้อความในเอกสารบางประการ ผมก็จะไม่พูดถึง ซึ่งในเนื้อหาก็ได้มีการระบุเงื่อนไขว่าจะไม่มีข้อผูกพัน จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีอนุมัติเพราะว่าผมป้องกันไว้แล้ว เพราะเกรงว่าจะไปมีผลก่อนที่ ครม.จะอนุมัติ และก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเซ็นอะไรเลย” นายนพดล กล่าว
เมื่อถามว่า ประเทศกัมพูชาจะสามารถที่จะนำไปอ้างกับยูเนสโกได้หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ทางกัมพูชาไม่สามารถนำไปอ้างได้ จะอ้างได้เฉพาะจดหมายที่ส่งไปเมื่อวานนนี้ (2 ก.ค.)คือว่าเราไม่สามารถสนับสนุนกัมพูชาไปขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารในการประชุมครั้งนี้ตามคำสั่งของศาลปกครอง ซึ่งเราก็จะต้องไปชี้แจงกับยูเนสโก ซึ่งเขาก็เข้าใจประเทศไทยที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครอง อย่างไรก็ตาม ตนจะเดินทางไปประเทศแคนาดา ในวันที่ 5 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ ทางยูเนสโกต้องรอดูท่าทีของประเทศไทยก่อน เนื่องจากเราจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครอง ส่วนประเทศกัมพูชาก็เข้าใจว่าเราไมสามารถสนับสนุนเขาได้ ซึ่งตนก็จะต้องไปชี้แจงกับคณะกรรมการ 21 ประเทศว่าเราไม่สามารถสนับสนุนประเทศกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารได้
เมื่อถามว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีการเตรียมการไว้หรือไม่หากเกิดความรุนแรงขึ้นกับคนไทยในประเทศกัมพูชา นายนพดล กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศก็ได้มีการประสานกับคณะทูตของไทยในกรุงพนมเปญ ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง และได้ขอให้ทางกัมพูชาคุ้มครองสถานทูตไทยในกัมพูชาเป็นพิเศษ และไทยก็ดูแลสถานทูตกัมพูชาเป็นพิเศษเช่นกัน และหวังว่าจะไม่บานปลายออกไปอีก
อย่างไรก็ดี ในวันนี้เวลา 14.00 น. นายนพดล ได้เชิญผู้อำนวยการยูเนสโกประจำประเทศไทยเข้ามาชี้แจง และทำความเข้าใจกับความเข้าใจผิดกรณีที่ได้ไปลงนามเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ประเทศฝรั่งเศส ที่จะเป็นการรับรองให้มีขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทเขาพระวิหาร