โจวซิงฉือ

กลายเป็นเรื่องราวคลุมเครือที่แม้แต่สื่อจอมคุ้ยของฮ่องกงก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าลูกชายคนล่าสุดของ จางป๋อจือ พ่อของเขาคือใคร หลังแหล่งข่าวใกล้ชิดยืนยันว่าได้เลิกรากันนานแล้วก่อนที่เด็กจะลืมตาดูโลก

ผู้กำกับชาวฮ่องกง เผิงเฮ่าเสียง จะหยิบนิยายอมตะผลงานของ กิมย้ง เรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ มาสร้างเป็นภาพยนตร์ไตรภาคด้วยทุนสร้างสูงถึง 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ดาวตลกชาวฮ่องกงกำลังมีปัญหาทางการเงินเมื่อเขาต้องหาเงินก้อนใหญ่ สำหรับเลี้ยงดูทั้งภรรยา และอดีตภรรยา รวมถึงลูก ๆ อีก 5 คนจากชีวิตสมรสทั้งหมด 3 ครั้ง

ประเดิมรับเดือนเมษายน เดือนแห่งความร้อนแรงของอุณหภูมิที่พุ่งกระฉูดจนฉุดไม่อยู่ ช่อง 3 ส่งภาพยนตร์จีนหลากเรื่องหลายอารมณ์มาสาดความสนุกแบบชุดใหญ่ให้ได้ดับความร้อน พร้อมเพิ่มความพิเศษให้มากยิ่งขึ้นไปอีกในเดือนปีใหม่ไทยนี้ด้วย “โจวซิงฉือ สเปเชียล โปรแกรม” มาเอาใจแฟน ๆ กับนักแสดงระดับตำนานที่โลดแล่นอยู่ในแวดวงการแสดงมาอย่างโชกโชน งานนี้รับรองได้เลยว่า ทุกเรื่องนั้นผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อมอบเป็นความสนุกในช่วงเวลาดี ๆ แบบ Non-stop ให้คอหนังแดนมังกรทุกท่านได้รับชมจนจุใจ ทุกคืนวันอังคาร เวลา 23.20 – 01.05 น. ตลอดทั้งเดือน

นางเอกวัย 30 ปี กำลังจะได้กลายเป็นนักแสดงที่มีผลงานในระดับโลก เมื่อทาง Disney เลือกให้เธอ หลิวอี้เฟย มารับบทเป็น มู่หลาน ในหนังที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสุดฮิตในอดีต หลังเธอโด่งดัง และเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงจีน รวมถึงหลายๆ ประเทศของเอเชียมานาน

สื่อจีนเปิดเผยรายชื่อนักแสดงที่มีค่าตัวสูงสุดในวงการภาพยนตร์จีน ซึ่งแน่นอนว่า “เฉินหลง” ต้องนำมาเป็นอันดับ 1 แต่ที่น่าแปลกใจก็คือใน 10 อันดับแรกของนักแสดงที่มีค่าตัวสูงสุด ล้วนเป็นนักแสดงชายทั้งหมด

“ฉลาดเกมส์โกง” ทำรายได้ถล่มทลายทั้งที่ไต้หวัน, มาเลเซีย และฮ่องกง โดยสื่อฮ่องกงยอมรับว่าหนังดีกว่าที่คิดเยอะ และบอกถึงขั้นว่าผลงานของ GDH ที่ใช้ชื่อว่า “Bad Genius” น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับหนังฮ่องกงได้ด้วยเช่นเดียวกัน

“Wolf Warrior 2” ยังทำเงินร้อนแรงไม่หยุด ล่าสุดกวาดเพิ่มไปอีก 1,100 ล้านหยวน หรือ 163 ล้านเหรียญฯ ในการฉายสัปดาห์ที่ 2 จนทำให้หนังมีรายได้รวมสูงถึง 3,356 ล้านหยวน หรือ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

คลิปจากหนังจีนแผ่นดินใหญ่ Soccer Killer กำลังสร้างความฮือฮาอยู่ในขณะนี้ กับฉากที่หยิบเอาตัวละครจากหนังฝรั่งสุดฮิต มาโผล่อยู่ในยุคจีนโบราณ

คงไม่มียุคใดของหนังฮ่องกงที่จะเรียกว่า “ยุคทอง” ได้เท่ากับหนังฮ่องกงใน “ยุค 80s” อีกแล้ว ช่วงเวลา 10 ปีดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งดารา และ ผกก. ชั้นนำมากมาย และนี่คือหนัง 30 เรื่องที่ทำเงินมากที่สุดในฮ่องกง ณ ช่วงเวลาสำคัญดังกล่าว

สถานีโทรทัศน์ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ประกาศร่วมกันสร้างซีรีส์ “ไซอิ๋ว” ออกมาบ้าง ภายใต้ชื่อ The Legend of Monkey และได้นักแสดงหนุ่มเชื้อสายไทยมารับบทเป็นตัวละครสำคัญอย่าง “เห้งเจีย” ด้วย

นับตั้งแต่หนังเรื่อง “คนเล็กหมัดเทวดา” เป็นต้น แฟนๆ หนังของ โจวซิงฉือ ส่วนใหญ่มักจะพูดคล้ายๆ กับว่าหนังของ โจวซิงฉือ ไม่ตลกเหมือนเดิมอีกแล้ว อาจจะเพราะลีลาที่เปลี่ยนแปลงไป การเน้นขายในจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น จนทำให้ต้องปรับมุกให้เข้ากับรสนิยมของคนที่นั่น …. แต่เหตุผลหลักๆ อีกอย่างที่คนมักจะพูดกันก็คือ ตั้งแต่ที่ โจวซิงฉือ ไม่มี อู๋ม่งต๊ะ มาเป็นลูกคู่ หนังของเขาก็ไม่ตลกเหมือนเดิมอีกแล้ว

นักแสดงชื่อดังแห่งยุค 90s “จางเหมี่ยน” กลับมารับงานอีกครั้งในวัย 50 ปี หลังหายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่

หนังตลกโรแมนติกของที่เล่าเรื่องราวความรักของหญิงสาว 2 คนคือหนังที่ได้ลุ้นรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกงมากที่สุดถึง 12 สาขา ส่วนหนังอาชญากรรมแฉความสกปรกของวงการตำรวจ Cold War 2 ได้ชิงรางวัล 10 สาขา

“Journey to the West: The Demons Strike Back” ภาคต่อของหนังสุดฮิตเมื่อปี 2013 กวาดเงินในจีนอย่างถล่มทลายในช่วงตรุษจีน จนขึ้นเป็นหนังที่ทำเงินสุงสุดในโลกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไป่ตู้เหริน(摆渡人) หรือ See You Tomorrow ภาพยนตร์ความร่วมมือของฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ อีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามองในช่วงคริสต์มาสนี้ โดยสร้างจากงานเขียนของ จาง จยาจยา ซึ่งเจ้าตัวมานั่งแท่นผู้กำกับเอง ร่วมด้วยโปรดิวเซอร์ชื่อเสียงระดับตำนานอย่าง หวัง จยาเว่ย

ดารารุ่นใหญ่ “อู๋ม่งต๊ะ” ได้เปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์ของตัวเองขึ้น และหวังดึงตัวคู่ซี้ “โจวซิงฉือ” ที่ไม่ได้ร่วมแสดงหนังด้วยกันมานานเกิน 10 ปี มาร่วมแสดงหนังเรื่องแรกของบริษัท

นักแสดงสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ “จางอีว์ฉี” ประกาศแต่งงานเป็นครั้งที่ 2 และยอมรับว่าเธอคบหากับแฟนหนุ่มนักธุรกิจที่เป็นสามีมาเพียง 70 วัน หรือ 2 เดือนเศษเท่านั้น

ผู้กำกับหน้าใหม่ “จางเจียเจีย” เปิดเผยว่า ผลงานของเขาเรื่อง See You Tomorrow ที่มี “เหลียงเฉาเหว่ย” แสดงนำร่วมกับ “ทาเคชิ คาเนชิโร่” และ “แอนเจลาเบบี้” จะมีความเป็นหนังแบบ “โจวซิงฉือ” ผสม “หว่องกาไว”