Netflix เมินฮ่องกง โควต้าผลิตซีรีส์เอเชียปีละ 10 เรื่อง ส่วนใหญ่ทุ่มให้เกาหลี – ไม่มีวี่แววอดีตยักษ์ใหญ่อย่างฮ่องกง

แม้จะเคยเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์เอเชีย แต่ปัจจุบันฮ่องกงกลับไร้ชื่อในโควต้าการลงทุนสร้างซีรีส์ของ Netflix ที่ปีหนึ่งมีเพียง 10 เรื่อง โดยส่วนใหญ่ทุ่มให้เกาหลี ขณะที่ผู้สร้างท้องถิ่นโอด แพลตฟอร์มมองว่า “วุ่นวายเกินไป” จนไม่อยากเข้าใกล้

สื่อฮ่องกงเผยตัวเลขล่าสุดจาก Box Office ครึ่งปีแรกของปี 2025 ชี้ว่าภาพยนตร์ฮ่องกงยังคงรั้งท้ายในตลาด ภาพยนตร์ท้องถิ่นที่ทำรายได้สูงสุดคือ The Way We Talk ทำเงินเพียง 13.55 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เทียบไม่ได้กับหนังต่างประเทศอย่าง Ne Zha 2 ที่โกยไป 63.91 ล้าน หรือ Mission: Impossible – The Final Reckoning ที่ทำรายได้ 52.2 ล้าน ขณะที่ Lilo and Stitch ยังทะลุ 29.12 ล้าน

อดีตคู่หูของโจวซิงฉือเปิดใจวงการไม่ไปไหน

“เถียน ไคเหวิน” ปรดิวเซอร์รุ่นใหญ่และนักแสดงคู่บุญของ "โจว ซิงฉือ" กล่าวถึงสถานการณ์วงการภาพยนตร์ฮ่องกงในปัจจุบัน โดยเฉพาะการที่แพลตฟอร์มยักษ์อย่าง Netflix ยังไม่สนใจเข้ามาร่วมลงทุน เขาเผยว่า “ไม่ใช่เราไม่เคยไปคุยกับเขานะ... แต่เขาบอกว่าเราน่ารำคาญ รำคาญจริง ๆ มีแต่คนออกความเห็น ทั้งที่ไม่ใช่คนทำหนัง ไม่ใช่คนดู ก็ยังจะพูด สุดท้ายแพลตฟอร์มพวกนั้นก็ถอนตัวหมด ดูซีรีส์ที่ Nicole Kidman มาถ่ายที่นี่สิ ยังไม่ได้ฉายที่ฮ่องกงเลย จะลงทุนไปทำไมล่ะ ง่าย ๆ แค่นั้นเลย”


Netflix ลงทุนผลิตซีรีส์เอเชียปีละ 10 เรื่อง – เกาหลีคว้าส่วนใหญ่

แม้ Netflix จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ด้านซีรีส์เอเชีย แต่เถียนเผยว่า โควต้าการลงทุนจริง ๆ ต่อปีอยู่ที่เพียง 10 เรื่อง โดย 6 เรื่องถูกจัดสรรให้เกาหลีใต้ ส่วนอีก 4 เรื่องกระจายไปยังญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย และประเทศอื่น ๆ ซึ่งไม่มีชื่อของฮ่องกงอยู่ในนั้น

เขายังเน้นว่า การมีทุนและตลาดคือปัจจัยสำคัญที่จะยกระดับคุณภาพการผลิต “พอมีเงินทุน มีตลาด คุณภาพก็จะพัฒนา ถ้าเราสร้างหนังมากขึ้น คนที่ไม่เคยได้เล่นบทนำก็อาจได้ลอง ทุกอย่างพัฒนาได้จากการฝึกฝน”

ผลิตน้อย รายได้น้อย โรงหนังซบเซา

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 มีภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ฮ่องกงและมาเก๊ารวม 140 เรื่อง แต่เป็นภาพยนตร์ฮ่องกงเพียง 21 เรื่องเท่านั้น รายได้รวมจากทั้งหนังท้องถิ่นและต่างประเทศยังลดลงจากปีก่อนถึง 16.26% สะท้อนถึงสภาพอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวจากความถดถอยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

“ในอดีต ฮ่องกงเคยเป็นมหาอำนาจภาพยนตร์เอเชีย วันนี้กลับแทบไม่มีชื่ออยู่ในสมุดโทรศัพท์ของสตรีมมิ่งยักษ์” – สื่อท้องถิ่นสรุปไว้ตรงประเด็น