นักลงทุนชื่อดัง “โฉลก สัมพันธารักษ์” ประเมินแนวโน้มสินทรัพย์เสี่ยงผ่านหลักเทคนิค ชี้ Bitcoin มีโอกาสปรับฐานรุนแรงก่อนเข้าสัญญาณซื้อครั้งใหญ่ช่วงต้นปี 2568 พร้อมเตือนนักลงทุนอย่าหลงสัญญาณลวง ขณะที่ทองคำแม้คงทิศเชิงบวกระยะสั้น แต่ยังถูกแรงกดดันจากภาวะ Overbought และอาจต้องใช้เวลาอีกนานก่อนทำจุดสูงสุดใหม่
ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ นักลงทุนชื่อดังของไทย และผู้ก่อตั้งชมรม CDC Chaloke.com ร่วมวิเคราะห์แนวโน้มสินทรัพย์สำคัญในรายการ “ทันโลกกับ Trader KP” เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ในหัวข้อ “อันตราย! บิทคอยน์หลุด 1 แสนเหรียญ อาจกลายเป็นร่วงยาว?” โดยนำเสนอภาพรวมเชิงเทคนิคของราคาบิทคอยน์ในมุมมองที่เฉียบคมและรอบด้านต่อเนื่องด้วยการสนทนาในหัวข้อ “ทองคำหมดแรง…ไม่สามารถทำสูงได้อีกนาน?” เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการประเมินทิศทางทองคำตามหลักวิเคราะห์ทางเทคนิคเช่นกัน
บิทคอยน์เสี่ยงลงลึกก่อนดีดแรงต้นปีหน้า
เมื่อผู้ดำเนินรายการสอบถามถึงภาวะบิทคอยน์หลังหลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์ โฉลกชี้ให้เห็นว่า แท่งเขียวรอบล่าสุดไม่มีสัญญาณนำหน้า ทำให้ไม่ใช่จังหวะที่ควรเข้าซื้ออย่างเป็นระบบ พร้อมระบุว่าในการเทรดภายใต้สัญญาณสีเขียว-แดง หากไม่มีสัญญาณนำมาก่อน การเข้าซื้อจะยิ่งมีความเสี่ยงสูง
นอกจากนี้ลุงโฉลกยังย้ำอีกว่าการตัดสินใจขายเมื่อเกิดแท่งแดงในบัญชีเก็งกำไร ทำให้ไม่แบกรับภาวะขาดทุนหนัก โดยประเมินว่าบิทคอยน์ยังมีความเสี่ยงปรับฐานลงลึกถึง 82,000 ดอลลาร์ หากระดับแนวรับ 98,000–97,000 ดอลลาร์ไม่สามารถยืนได้
“แนว 82,000 ดอลลาร์ ถือเป็นระดับเป้าหมายสำคัญ แต่จะลงถึงหรือไม่ต้องติดตาม หากดีดตัวขึ้นทันทีจากบริเวณปัจจุบันก็ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 98,000 ดอลลาร์ แต่หากรับไม่อยู่ การลงลึกย่อมน่ากังวลกว่าเดิม” ลุงโฉลกกล่าว
นอกจากนี้ลุงโฉลกยังแนะนำถึงหลักการเทรดที่ดีว่า ไม่ควรยึดติดกับความรู้สึก ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ หรือตื่นเต้น เพราะระบบเทรดที่มีวินัยช่วยลดความเสี่ยงติดดอยหรือตกรถ พร้อมเตือนว่า “สัญญาณลวง” (False Signals) เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การลดจำนวนสัญญาณผิดแม้เพียงเล็กน้อย จะเพิ่มกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวโน้มระยะสั้น ลุงโฉลกมองว่าบิทคอยน์อยู่ในทิศทางขาลงชัดเจน แต่หากราคาปรับลงครบเป้าหมายเมื่อใด จะเป็นสัญญาณซื้อครั้งใหญ่ของปี โดยช่วงเวลาที่คาดว่าจะเกิดสัญญาณดังกล่าว คือปลายเดือนมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์ 2568
“หากบิทคอยน์ลงถึง 82,000 ดอลลาร์จริง หลังจากนั้นมีโอกาสดีดแรงมาก นักลงทุนควรเตรียมหาสัญญาณซื้อให้พร้อมในช่วงต้นปีหน้า” เขาระบุ
เมื่อถูกถามถึงศักยภาพการฟื้นตัว โฉลกประเมินว่าหากเกิดสัญญาณซื้อแล้ว รอบขาขึ้นอาจพุ่งไปอย่างน้อย 200,000–300,000 ดอลลาร์ แต่ต้องรอให้ราคาสร้างฐานอย่างมั่นคงเสียก่อน
ทองคำยังเผชิญแรงกดดันจากภาวะ Overbought
สำหรับทองคำ โฉลกระบุว่า แม้ราคาจะปรับขึ้นแรงก่อนหน้า แต่สภาพตลาดในระยะกลางยังอยู่ในช่วง “Sideway Down” เนื่องจากราคาวิ่งขึ้นเหนือเส้นเทรนด์ใหญ่และเข้าสู่ภาวะ Overbought ทำให้ต้องปรับฐานลงเพื่อกลับเข้าสู่เทรนด์หลักก่อนจะเดินหน้าต่อได้
ในเชิงระยะสั้น แม้ราคาทองคำจะปรับขึ้น-ลงตามปกติ แต่ยังไม่เห็นสัญญาณชัดเจนว่าจะเป็นขาขึ้นเต็มตัว หากราคาปรับขึ้นไปทดสอบโซน 4,200-4,300 ดอลลาร์แล้วไม่ผ่าน จะเกิดสัญญาณ “Lower High” ซึ่งอาจนำไปสู่แรงเทขายทันที
อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดเดิมและค่อย ๆ อ่อนตัวลง การปรับฐานจะเป็นลักษณะ Sideway Down แบบไม่รุนแรง ในขณะที่ภาพ Bullish รุนแรงจากการทะลุแนวต้านหลักยังเป็นไปได้ยากภายใต้สภาวะ Overbought ปัจจุบัน
เมื่อถูกถามว่าควรเข้าลงทุนทองคำตอนนี้หรือไม่ โฉลกตอบชัดเจนว่า “ไม่ควร” โดยให้เหตุผลว่าราคาอยู่ในระดับสูงเกินไป การเข้าซื้อควรรอแท่งเขียวแรกในระดับต่ำกว่านี้ พร้อมเน้นย้ำว่า “การรอ” เป็นทักษะสำคัญที่สุดของนักลงทุน
ส่วนความเป็นไปได้ที่ราคาอาจพุ่งขึ้นแรงโดยไม่ย่อในช่วงเปิดศักราชใหม่ เขาย้ำว่าภาพดังกล่าวมีโอกาสเกิดน้อยมาก เว้นแต่จะมีแรงซื้อขนาดใหญ่จากประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน ซึ่งคาดเดาได้ยากและอาจสร้างความผันผวนเหนือการคาดการณ์
ทองคำยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่
ลุงโฉลกสรุปว่า ทองคำไม่น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า และมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบกว้างบริเวณ 3,000-4,500 ดอลลาร์ไปอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะพร้อมสำหรับรอบขึ้นครั้งใหญ่ในอนาคต พร้อมเน้นว่าภาพรวมยังต้องติดตามปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ซึ่งอาจเปลี่ยนทิศทางตลาดอย่างรวดเร็ว
“เมื่อไม่รู้ ก็แค่รักษาวินัยตามสัญญาณเขียว-แดง และติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด” ลุงโฉลกทิ้งท้าย


