xs
xsm
sm
md
lg

‘ลุงโฉลก’ ชี้ Bitcoin จ่อทะยานสู่ 200,000 ดอลลาร์ ก่อนพุ่งแตะจุดสูงสุดใหม่ 300,000 ดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายโฉลก สัมพันธารักษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ลุงโฉลก’ นักลงทุนโภคภัณฑ์ชื่อดัง
‘ลุงโฉลก’ นักลงทุนชื่อดัง วิเคราะห์ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเฉียบคม ชี้บิทคอยน์ กำลังสร้างฐานก่อนทะยานขึ้นครั้งใหญ่ ท่ามกลางปัจจัยหนุนจากนโยบายรัฐบาลสหรัฐฯ และความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีพื้นฐาน แม้ราคาปัจจุบันจะแกว่งตัว แต่โอกาสกำไรยังมหาศาล หากนักลงทุนจัดการความเสี่ยงได้ดี ขณะที่รัฐบาลประเทศต่างๆ อื่นๆ เริ่มทยอยสะสมบิทคอยน์อย่างเงียบ ๆ สะท้อนกระแสการยอมรับในระดับโลกที่กำลังเร่งตัว

ในห้วงเวลาที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังเผชิญกับความผันผวน ทว่ายังคงดึงดูดนักลงทุนด้วยศักยภาพการเติบโตระยะยาว นายโฉลก สัมพันธารักษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ลุงโฉลก’ นักลงทุนโภคภัณฑ์ชื่อดังและผู้ก่อตั้งชมรม CDC Chaloke.com ได้เปิดมุมมองเชิงลึกผ่านรายการ Money Chat Thailand เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 โดยชี้ให้เห็นถึงทิศทางราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) ที่คาดว่าจะทะยานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สู่ระดับ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะพุ่งสู่จุดสูงสุดใหม่ที่ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ

โดยการวิเคราะห์ดังกล่าวสืบเนื่องจากคำถามของผู้ดำเนินรายการที่ย้อนถึงการคาดการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่ง ‘ลุงโฉลก’ เคยทำนายว่า Bitcoin จะแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสองปี พร้อมทั้งชี้ว่าทองคำและ Bitcoin จะทะยานสู่จุดสูงสุด ซึ่งปรากฏว่าการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง โดยราคา Bitcoin ได้พุ่งขึ้นมาถึงระดับดังกล่าวแล้ว

ขณะที่ผู้ดำเนินรายการสอบถามต่อถึงความแตกต่างของการขึ้นราคารอบนี้ เมื่อเทียบกับรอบที่ผ่านมา โดยอ้างถึงการพุ่งขึ้นสู่ 123,000-124,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนพักตัวลงสู่ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐกว่าๆ แล้วกลับขึ้นมาใหม่ จนแตะจุดสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ

‘ลุงโฉลก’ อธิบายอย่างละเอียดถึงลักษณะของกราฟราคา (Chart) ในรอบนี้ว่า กำลังอยู่ในขั้นตอนการสร้างพื้นฐานเมื่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว จะเข้าสู่การพุ่งตัวขึ้นอย่างแท้จริง โดยราคาจะค่อยๆ ไต่ขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะสร้างฐานที่แข็งแกร่ง จากนั้นจึงจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและไกลมาก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของกราฟราคาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

เขาย้ำว่าการขึ้นราคาที่แท้จริงต้องมาพร้อมอัตราเร่ง ไม่ใช่การขึ้นแบบเส้นตรงธรรมดา แต่จะโค้งขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวที่จริงจัง โดยยกตัวอย่างว่าหากราคาขึ้นเล็กน้อยแล้วเริ่มโค้งขึ้น นั่นคือสัญญาณของจริง

นอกจากนี้ ‘ลุงโฉลก’ ชี้ว่าหากโค้งขึ้นไม่มาก การปรับตัวลงก็จะไม่มากเช่นกัน และจากลักษณะปัจจุบัน ดูเหมือนว่าราคากำลังเริ่มโค้งขึ้นบริเวณนี้ ซึ่งอาจหมายถึงการถีบตัวเองขึ้นมาแล้ว ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้น แม้จะไม่ทราบว่าข่าวสารใดจะตามมา แต่ข่าวมักตามหลังราคาเสมอ

เมื่อมองในระยะยาว โอกาสที่แนวโน้มจะพลิกกลับเป็นขาลงนั้นยากยิ่ง โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ตีนดอยอย่างสมบูรณ์แบบ หากเกิดการ Take off จะไปได้ไกลมาก ‘ลุงโฉลก’ กล่าวเสริมอย่างเฉียบคมว่า “ขึ้นวันละหมื่นแตกตื่นกัน อีกหน่อยจะขึ้นวันละแสน” ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Bitcoin

เมื่อถูกถามถึงความสมดุลระหว่างผลตอบแทน (Reward) และความเสี่ยงในปัจจุบัน ‘ลุงโฉลก’ ย้ำว่าทุกคนควรมี Bitcoin ตามระดับความรู้และความสามารถของตนเอง แม้เพียง 5-10 บาทก็ยังดี เพราะเขาเชื่อมั่นในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) มาอย่างยาวนาน การมี Bitcoin จะกระตุ้นให้เกิดความสนใจและศึกษาเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่าการเข้าตลาดในตอนนี้ถือว่าสายไปบ้าง แต่ยังคง Bullish และเชียร์ให้ซื้อ โดยต้องเตรียมใจรับความผันผวน ลงทุนเท่าที่รับความเสี่ยงได้ คิดเสมอว่าหากราคาลง จะเจ๊งหรือแค่ตื่นเต้น หากเกิดการย่อตัว ราคาอาจลงไปถึง 180,000 ดอลลาร์สหรัฐ จึงควรประเมินความสามารถในการรับมือ

เขาระบุว่าการซื้อตอนนี้เสียเปรียบในแง่ Position Size ที่ค่อนข้างเล็ก แต่ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมในขณะนี้

เมื่อถามถึงศักยภาพจากมุมมองทางเทคนิคอล (Technical) ในช่วง 500 วัน โดย Bitcoin กำลังสร้างเชิงดอยที่ระดับ 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากสำเร็จจะไปได้ไกลเพียงใด ‘ลุงโฉลก’ ตอบว่า จะเล็งเป้าหมายทีละแสนดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ขึ้นทีละ 1-2 ดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนเป็น 10-20, 100, 1,000 และปัจจุบันหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ต่อไปจะเล่นทีละแสน ซึ่ง Bitcoin ไม่เหมือนสินทรัพย์ใดในโลก

เขาอ้างถึง White Paper ของ Bitcoin ที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยไม่เห็นจุดอ่อน หากโลกไม่ล่มสลาย ราคาจะขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีจุดอ่อนเกิดขึ้น แต่เชื่อว่าจะไปต่อแน่นอน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental)

‘ลุงโฉลก’ กล่าวเสริมถึงปัจจัยจากนโยบายรัฐ โดยอ้างถึงกฎหมาย One Big Beautiful Bill Act ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งลงนามเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งอนุญาตให้ซื้อ Bitcoin ได้ แต่ทรัมป์จะไม่ซื้อ Bitcoin จำนวนล้านเหรียญตามแผนเดิม หากแต่ใช้วิธียึดทรัพย์ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ดี ส่งผลให้ราคายังไม่พุ่งขึ้นทันที

ขณะเดียวกัน รัฐอื่นๆ เริ่มแสดงท่าทีสะสม Bitcoin แต่เก็บเงียบเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อในราคาแพง ความต้องการจากรัฐต่างๆ จึงมีอยู่จริง เพียงรอจังหวะที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ภูฏานที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติขุด Bitcoin ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มพุ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ‘ลุงโฉลก’ จึงเชื่อว่าตีนเขากำลังสมบูรณ์แล้ว ต่อไปจะขึ้นดอย สังเกตสัปดาห์นี้ หากขึ้นต่อจะน่าสนใจ แต่หากไม่ อาจลงไปสร้างฐานเชิงดอยอีก 1-2 สัปดาห์

เขาคาดการณ์ว่าการเคลื่อนขึ้นครั้งต่อไปมีเป้าหมายที่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 192,000 ดอลลาร์สหรัฐ) หากขึ้นแบบไม่ยั้งคิด จะไปถึง 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากไปไม่ไหว อาจชนแล้วลงไปสร้างฐานใหม่ที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต้นๆ อีก 1-2 สัปดาห์ ทว่าเป้าหมายระยะถัดไปคือ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐอย่างชัดเจน

การวิเคราะห์นี้ไม่เพียงสะท้อนมุมมองจากประสบการณ์นักลงทุนอาวุโส แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการผสานระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคอลและปัจจัยพื้นฐาน ในขณะที่ราคา Bitcoin

ล่าสุด ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2568 อยู่ที่ประมาณ 122,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงแกว่งตัวใกล้จุดสูงสุดเดิม สอดคล้องกับการสร้างฐานเชิงดอยที่ ‘ลุงโฉลก’ กล่าวถึง

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโอกาสกำไรที่มหาศาล ความเสี่ยงจากความผันผวนยังคงสูง นักลงทุนควรศึกษาอย่างละเอียดและกระจายความเสี่ยง เพื่อไม่ให้ตกหลุมพรางของตลาดที่เคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้ การยอมรับ Bitcoin จากรัฐบาลและสถาบันใหญ่กำลังเร่งตัว ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้ราคาทะยานตามคาดการณ์ แต่หากเกิดจุดอ่อนในระบบพื้นฐาน อาจนำไปสู่การปรับฐานที่รุนแรง

กรณีนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจตลาดคริปโตเคอร์เรนซี การผสมผสานมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง ‘ลุงโฉลก’ กับข้อมูลตลาดจริง จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ ท่ามกลางยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอการลงทุนระดับโลก