การเพิ่มทุน นำหุ้นจำนวนเกือบ 1 หมื่นล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด ในราคาต่ำ กลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการเทขายหุ้น บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI จนราคาดิ่งลงแรงกว่า 17% ในการซื้อขายเมื่อวันพุธที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา
VGI แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ หลังปิดการซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน ระบุถึงความเห็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระคือ บริษัท อวานการ์ด แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเห็นควรให้ผู้ถือหุ้นลงมติอนุมัติการเพิ่มทุน และนำหุ้นขายบุคคลในวงจำกัด 4 กลุ่ม
คณะกรรมการ VGI มีมติเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเพิ่มทุนจำนวน 992.49 ล้านบาท หรือเพิ่มทุนจำนวน 9,924.93 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 สตางค์ จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,377.79 ล้านบาท และจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อลงมติอนุมัติการเพิ่มทุนในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 8,805.48 ล้านหุ้น จะเสนอขายบุคคลในวงจำกัด 4 ราย ประกอบ กองทุน CAI กองทุน Si Suk และ OpusChartered Issuances S.A. รวมทั้ง THAI IR Ltd. ซึ่งต่ำกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายบนกระดานมาก
ส่วนหุ้นเพิ่มทุนอีกจำนวน 1,119.45 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทครั้งที่ 4 (VGI-W4) ซึ่งจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม
การเพิ่มทุนครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อสัดส่วนการถือหุ้น หรือ Dilution Effect 44.03%
ราคาหุ้น VGI ผันผวนอย่างหนักในการซื้อขายเมื่อวันที่ 25 กันยายน โดยมีแรงขายไหลทะลักเข้ามาตั้งแต่เปิดการซื้อขาย จนราคาปรับตัวลง ก่อนปิดการซื้อขายที่ราคา 2.38 บาท ลดลง 52 สตางค์ หรือลดลง 17.93% ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่นที่สูงสุดในรอบปี โดยเคาะซื้อขายทั้งสิ้น 1,068.25 ล้านบาท
การทรุดหนักของ VGI เกิดจากผลกระทบการเพิ่มทุน นำหุ้นขายบุคคลในวงจำกัดในราคา 1.50 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาซื้อขายในกระดานมาก กระตุ้นให้นักลงทุนชิงทิ้งหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบหุ้นเพิ่มทุนที่เพิ่มขึ้นมาก โดยผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่มีความได้เปรียบกว่านักลงทุนรายย่อย เพราะมีต้นทุนซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่ามาก
โครงสร้างผู้ถือหุ้น VGI ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 57.10% มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 22,200 ราย ในวันปิดสมุดทะเบียนเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากวันปิดสมุดทะเบียนเดือนมิถุนายน 2566 กว่า 3 พันราย ทั้งที่ผลประกอบการบริษัทขาดทุนต่อเนื่อง
ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 120.26 ล้านบาท ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 64.88 ล้านบาท ปี 2567 ขาดทุนสุทธิ 2,896.84 ล้านบาท แต่ไตรมาสแรกปีนี้ สิ้นสุด 30 มิถุนายน มีกำไรสุทธิ 62.67 ล้านบาท
VGI เป็น 1 ใน 5 กลุ่ม ที่ยื่นเสนอขอใบอนุญาตเปิด VIETURLBANK หรือธนาคารไร้สาขา และก่อนหน้าพยายามขยายธุรกิจในหลายด้าน ซึ่งแม้ผลประกอบการกลับออกมาย่ำแย่ แต่นักลงทุนกลับแห่เข้าไปเก็งกำไรจนแบกหุ้นต้นทุนสูงอยู่ เช่นเดียวกับหุ้นตัวแม่ BTS ที่นักลงทุนรายย่อยติดดอยกับนับแสนคน
การเพิ่มทุน นำหุ้นกว่า 8 พันล้านหุ้น ขายบุคคลในวงจำกัด ราคาเพียง 1.50 บาท ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงหนักสุดคือ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 2 หมื่นราย และบางส่วนเทขายหุ้นทิ้ง หนีตายออกจาก VGI แล้ว
