หุ้นบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ขึ้นอยู่บนจอเรดาร์ของตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะหุ้นที่ถูกจับตาตัวล่าสุด หลังประกาศการเพิ่มทุนครั้งใหญ่ 3 เท่าตัว และทำให้เกิดการเทขายหุ้นจนราคาทรุดฮวบ สร้างจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่เข้าขดทะเบียน เมื่อวันที่ 2 กันยายบน 2564
CV แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ก่อนเปิดซื้อขายหุ้นวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยประกาศเพิ่มทุนจำนวน 1,920 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 640 ล้านบาท ราคาพาร์ 50 สตางค์
หุ้นเพิ่มจำนวน 2,560 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาท และออกวอร์แรนต์หรือใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญจำนวน 1,280 ล้านหน่วย อายุ 5 ปี ราคาแปลงสภาพ 1.20 บาท จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 2 หุ้นใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์
นอกจากนั้น คณะกรรมการ CV ยังมีมติซื้อหุ้น บริษัท เวสท์เทค เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด หรือ WTX จำนวน 37 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 6 บาท หรือสัดส่วน 20% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 28.10 บาท รวมเป็นเงิน 1,040 ล้านบาท โดยใช้เงินซื้อ WTX จากการเพิ่มทุน
ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์สั่งให้ CV ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มทุนจำนวนมาก และวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกำกับธุรกรรมของบริษัทจดทะเบียนที่มีความเข้มข้นมากขึ้น หลังเกิดกรณีการแต่งบัญชีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งสร้างความเสียหายให้นักลงทุนในวงกว้าง
ราคาหุ้น CV ทรุดฮวบลงทันทีหลังการประกาศเพิ่มทุน โดยวันที่ 16 สิงหาคม ราคาปิดที่ 1.31 บาท ลดลง 17 สตางค์ หรือลดลง 11.49% และลดลงตอเนื่อง จนวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม ปิดลงที่ 1.12 บาท และเป็นราคาปิดต่ำสุดนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
CV ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 3.90 บาท จากพาร์ 50 สตางค์ และหุ้นปิดวันแรกที่เข้าซื้อขายในราคา 3.92 บาท สูงกว่าจองเพียง 2 สตางค์ ก่อนจะปรับตัวลงต่อเนื่อง เพราะผลประกอบการไม่เป็นที่น่าพอใจของนักลงทุน
ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ CV ดูเหมือนจะเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการดี กำไรเติบโต แต่หลังเข้าตลาดหุ้น 2 ปี ผลประกอบการกลับดูไม่ดี โดยเฉพาะงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งยอดรายได้ลดฮวบ และมีผลขาดทุน 89.54 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนทีมีกำไรสุทธิ 34.80 ล้านบาท
โครงสร้างผู้ถือหุ้น CV ประกอบด้วย นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 28.09% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อบจำนวน 11,603 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 57.08% ของทุนจดทะเบียน
การที่หุ้น CV ดำดิ่ง ราคาสร้างจุดต่ำสุดใหม่เป็นรายวัน นอกเหนือจากผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ย่ำแย่แล้ว ยังมีผลกระทบจากการประกาศเพิ่มทุนครั้งมโหฬารอีกด้วย
เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยเกือบทั้งหมดขาดทุน เสียหาย แบกหุ้นต้นทุนสูงของ CV ถ้าจะสู้ต่อ ต้องเติมเงินเพิ่มทุนเข้ามาอีก ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานกำลังลงมาใกล้เคียงกับราคาหุ่นเพิ่มทุนคือ 1 บาท ผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิม จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะซื้อหุ้น แม้บริษัทฯ จะออกวอร์แรนต์มาขายพ่วง เพื่อล่อให้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนก็ตาม
นอกจากนั้น เงินเพิ่มทุนที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยใส่กันเข้าไป ถ้าฝ่ายบริหารบริษัทฯ ไม่สามารถนำไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ราคาหุ้น CV คงไม่ฟื้น หรือฟุบลงต่อเนื่อง นักลงทุนรายย่อยจะขาดทุนทั้งหุ้นตัวแม่ เสียหายทั้งหุ้นตัวลูก
ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่ต้องการควักเงินเติมเข้าไปใน CV ไม่คิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน จึงชิงเทขายหุ้นทิ้ง
แผนการออกหุ้นใหม่ ระดมทุน 2,560 ล้านบาทของ CV ครั้งนี้มีโอกาสล้มพับลงได้ เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่อาจพร้อมใจกันสละสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่
ราคาหุ้นที่ไหลรูดลงมาเหลือ 1 บาทเศษ ใครควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนมีความเสี่ยงที่จะเจ็บกับหุ้น CV ซ้ำสอง