แม้มีข่าวดีออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้น บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY กลับถอยหลังลงจนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปี ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่ติดยอดดอยกังวลว่าราคาหุ้นจะดิ่งลงเหวลึก
SABUY ขยายการลงทุนไม่หยุดยั้ง มีแผนซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนทั้งใน และต่างประเทศ จนกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนอื่นมากที่สุดแห่งหนึ่ง คล้ายกับบริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จำกัด หรือ FIN-1 ในอดีตที่ล่มสลายไปแล้ว
การขยายการลงทุน ฝ่ายบริหาร SABUY อ้างว่า เพื่อต่อยอดธุรกิจ แต่ปรากฏว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปีนี้กลับชะลอตัว โดยมีกำไรสุทธิ 179.61 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 356.26 ล้านบาท
รวมครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 346.56 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 463.54 ล้านบาท
การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ชะลอตัวลง เกิดขึ้นพร้อมกับคำชี้แจงการลงทุนซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนในมาเลเซีย และการซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AS ตามที่ตลาดหลักทรัพย์สอบถาม
ราคาหุ้น SABUY ทำท่าจะกลับบ้านเก่า หลุด 7 บาทมาแล้วก่อนหน้า แต่มีข่าวดีมากู้ชีพ โดยธนาคารกรุงเทพประกาศตั้ง SABUY เป็นแบงกิ้ง เอเยนตฺ เพื่อให้ลูกค้าธนาคารฝากหรือถอนเงินผ่านตู้เติมเงิน ทำให้ราคาดีดตัวขึ้น
แต่ถูกเทขายอีกระลอกหลังประกาศงบการเงินไตรมาส 2 โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ราคาลงไปที่ 6.70 บาท ต่ำสุดในรอบหลายปี หลังจากในรอบ 12 เดือน ราคาเคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 19.50 บาท
ผู้บริหาร SABUY เพิ่งประกาศล่าสุด ลดเป้าหมายรายได้บริษัทปีนี้ลง 40% จากเดิมตั้งเป้าจะมีรายได้ 20,000 ล้านบาท ลดลงเหลือ 12,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเป็นการส่งสัญญาณถึงผลประกอบการที่อาจไม่สดใสนัก
แต่แผนการขยายการลงทุน โดยการซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนอื่นเพื่อต่อยอดธุรกิจยังดำเนินต่อไป แม้จะต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินมาซื้อหุ้นก็ตาม โดยเฉพาะหุ้น AS ที่จะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หรือจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด
ปีหน้า SABUY ถึงกำหนดที่ต้องไถ่ถอนหุ้นกู้วงเงินรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท และแน่นอนว่าเป็นประเด็นที่ถูกจับตา แม้ว่าฝ่ายบริหารบริษัทฯ จะยืนยันว่า เตรียมแผนการไถ่ถอนหุ้นกู้ไว้แล้วก็ตาม
ค่าพี/อี เรโช ของ SABUY อยู่ในระดับที่ต่ำคือประมาณ 8.74 เท่า โดยอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 2.27% แต่นักลงทุนอาจไม่มั่นใจว่า บริษัทจะรักษาผลกำไรเติบโตได้ต่อเนื่องหรือไม่ จึงทยอยเทขายหุ้นออก
และแม้วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นจะเด้งขึ้นมายืนเหนือ 7 บาทอีกครั้ง โดยปิดที่ 7.10 บาท แต่สถานการณ์หุ้น SABUY ช่วงนี้ดูเปราะบาง มีความเสี่ยงที่จะสร้างจุดต่ำสุดใหม่ โดยข่าวดีที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะไม่อาจกระตุ้นการเก็งกำไรได้เหมือนหลายปีที่ผ่านมา
แต่กลับเป็นข่าวดีที่กดราคาหุ้นลง
SABUY ประสบความสำเร็จมากระหว่างปี 2565 ถึงปี 2566 โดยสามารถดึงนักลงทุนรายย่อยแห่เข้ามาเก็งกำไรเพิ่มขึ้นจำนวนประมาณ 15,000 ราย จากปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 9 มีนาคม 2565 มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 10,883 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 31.91% ของทุนจดทะเบียน
แต่ปิดสมุดทะเบียนวันที่ 27 มีนาคม 2566 จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยเพิ่มเป็น 25,219 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วนเพิ่มเป็น 55.74% สะท้อนให้เห็นว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ๆ ได้มีการขายหุ้นทำกำไรออกมา โดยนักลงทุนรายย่อยเข้าไปรับแทน และแบกหุ้นต้นทุนสูง ขาดทุนจากหุ้น SABUY และเจ็บปวดโดยถ้วนหน้า
ผู้บริหาร SABUY เดินหน้าต่อยอดธุรกิจต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้น SABUY กำลังถดถอยเต็มตัวอย่างน่าหวั่นไหว