หลายวันติดต่อแล้วที่หุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ปักหัวลง และกำลังลงไปทดสอบจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 12 เดือน ที่ระดับ 7.95 บาท
ราคาหุ้น SABUY วันอังคารที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ปิดที่ 8.30 บาท ลดลง 5 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 142.19 ล้านบาท โดยถือเป็นการลงติดต่อวันที่ 5 นับจากวันที่ 18 กรกฎาคมซึ่งปิดที่ 9.20 บาท
ในรอบ 12 เดือน SABUY ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 21.70 บาท ก่อนอ่อนตัวลง จนวันที่ 28 มิถุนายน สร้างจุดต่ำสุดที่ 7.95 บาท
SABUY จัดเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม และเป็นหุ้นที่มีข่าวกระตุ้นราคาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข่าวธุรกรรมการซื้อขายทรัพย์สิน หรือซื้อขายหุ้นบริษัทอื่นๆ ซึ่งล่าสุด เพิ่งประกาศยกเลิกการเข้าลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนบริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS
และการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ให้ TKS รวมทั้งการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC
SABUY มีข่าวเกี่ยวกับธุรกรรมการลงทุนต่อเนื่อง และเป็นการลงทุนเกี่ยวโยงที่มีความซับซ้อน ทำความเข้าใจยาก ต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างลึกซึ้งจึงจะประเมินถึงผลได้ผลเสียของการลงทุน ซึ่งนักลงทุนทั่วไปคงไม่มีเวลาศึกษาทำความเข้าใจ และมักจะดูที่ผลประกอบการของบริษัทฯ โดยรวมเท่านั้น
ถ้าพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานปัจจุบัน SABUY มีปัจจัยพื้นฐานใช้ได้ โดยค่าพี/อี เรโช ประมาณ 9.5 เท่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.85%
และผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้เติบโตสูง โดยมีกำไรสุทธิ 166.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 107.28 ล้านบาท เพียงแต่ต้องรอดูผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งใกล้ประกาศว่ากำไรยังเติบโตอยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ซึมลงต่อเนื่องอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ผลกำไร SABUY ไตรมาสที่ 2 อาจไม่สดใสนัก จึงเริ่มมีการระบายหุ้นทิ้ง
นอกจากนั้น ธุรกิจตู้เติมเงินหรือตู้บุญเติมอาจไม่ได้รับความนิยมเหมือนอดีต และอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน รวมทั้งการลงทุนในกิจการอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง อาจไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีนัก ทำให้ผลประกอบการโดยรวมของ SABUY มีแนวโน้มชะลอตัวลง
ราคาหุ้นที่เคยร้อนแรง และพุ่งทะยานขึ้นไป 21.70 บาทนั้น เกิดจากการสร้างข่าวกระตุ้นเก็งกำไร โดย SABUY เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่มีข่าวเกี่ยวกับธุรกรรมลงทุนมากมาย
แต่ SABUY กำลังหมดจุดขายจากการสร้างข่าว หรือข่าวเกี่ยวกับธุรกรรมต่างๆ ไม่อาจกระตุ้นราคาหุ้นได้แล้ว หุ้นจึงร่วงลง และเหลือกันชนที่จะสร้างจุดต่ำสุดใหม่อีกไม่กี่สิบสตางค์
ไม่มีโบรกเกอร์ใดจัดทำบทวิจัยวิเคราะห์หุ้น SABUY จึงไม่มีราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่โบรกเกอร์ประเมินไว้ ซึ่งอาจเป็นเพราะเป็นหุ้นขนาดเล็ก มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เกตแคปเพียงประมาณ 15,000 ล้านบาทเท่านั้น โบรกเกอร์จึงไม่ให้ความสำคัญ
แต่กลับเป็นหุ้นตัวเล็กที่มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมหาศาล โดยหลังปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566
SABUY มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 25,219 ราย เพิ่มขึ้นจากปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนเพียง 10,883 ราย
สะท้อนให้เห็นว่าระหว่างปี 2565 ถึง 2566 SABUY สามารถขยายฐานผู้ถือหุ้นรายย่อยเพิ่มขึ้นเกือบ 150% หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 15,000 ราย และกลายเป็นหุ้นร้อนที่ประสบความสำเร็จในการดึงนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้ามาเก็งกำไร
แต่นักเก็งกำไรรายย่อยส่วนใหญ่ติดดอย SABUY จนจิตใจเริ่มไม่สบายเท่าไหร่แล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งหุ้นออกอาการไม่ดี
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งอีกไม่กี่วันจะประกาศ อาจเป็นคำตอบว่าทำไม SABUY ถึงเฉานัก
และนักลงทุนอาจเตรียมทำใจกับ SABUY ในช่วงขาลง