xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นปิดฉากรอบขาขึ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังหุ้นพุ่งทะยานมา 4 วันติด นับจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พ่ายโหวตในรัฐสภา ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ดัชนีหุ้นดิ่งลงอย่างรุนแรงกว่า 15 จุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคมผ่านมา

การที่นายพิธา ชวดตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กระตุ้นการเก็งกำไรหุ้นอยู่หลายวัน โดยนักลงทุนมองว่า การที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล จะส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นมากกว่า

ดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นต่อเนื่อง แม้วันที่ 20 กรกฎาคม ในการซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีดีดตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1,541.49 จุด ก่อนที่การซื้อขายภาคบ่าย จะเกิดการถล่มขาย จนดัชนีปักหัวลง และปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,521.18 จุด ลดลง 15.46 จุด มูลค่าซื้อขาย 45,332 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติที่กลับมาไล่ซื้อหุ้นหลายวัน เทขายหุ้นออก 1,702 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนในประเทศ ขายหุ้นอีก 1,028 ล้านบาท และเป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้หุ้นปรับตัวลง

รอบขาขึ้นระยะสันตลาดหุ้นปิดฉากลงแล้ว ปฏิกิริยาตอบรับในเชิงบวก จากการที่นายพิธา ไม่ได้เป็นผู้นำประเทศคนใหม่กำลังกลายเป็นปัจจัยลบ และนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นหลายวัน หันมาเทขายหุ้นอีกครั้ง

สถานการณ์การเมืองกดดันตลาดหุ้นครั้งใหม่ โดยนักลงทุนหวั่นไหวการเคลื่อนตัวของมวลชนพรรคก้าวไกล จนอาจเกิดความวุ่นวายตามมา

กองทุนและต่างชาติได้ชิงขายหุ้นลดความเสี่ยง ก่อนนักลงทุนรายย่อยจะตั้งตัวทัน

ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ซึ่งกำลังทยอยประกาศ ไม่ใช่ข่าวดีที่จะปลุกตลาดหุ้นให้คึกคักได้เสียแล้ว เพราะมีปัจจัยลบทางการเมืองที่มีน้ำหนักในการชี้นำทิศทางหุ้นมากกว่า

เป้าหมายหุ้น 1,550 จุดคงไปไม่ถึงแล้ว เพราะหุ้นอาจปรับตัวเข้าสู่แนวโน้มขาลง และอาจลงไปแถวระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง ถ้านักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นต่อเนื่อง

ข่าวดีที่จะมาช่วยลดแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองที่อาจเกิดความวุ่นวายยังไม่มี ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศฟุบอยู่ แนวโน้มหุ้นจึงตกอยู่ในความไม่แน่นอน

โบรกเกอร์บางสำนักประเมินว่า ครึ่งปีหลัง ต่างชาติคงไม่กลับมาเพราะกังวลสถานการณ์การเมือง ภาวะเศรษฐกิจซบเซา และความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น ซึ่งหากไม่มีแรงซื้อของต่างชาติสนับสนุน หุ้นจะผันผวน หรือปรับตัวลง

สำหรับนักลงทุนในประเทศเริ่มหมดกำลังซื้อ โดยในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นสะสมประมาณ 6 แสนล้าน เงินส่วนใหญ่จมอยู่ในหุ้น และต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงไว้ จึงไม่มีเงินซื้อหุ้นเพิ่ม เช่นเดียวกับกองทุนในประเทศ ซึ่งหากนักลงทุนยังไม่เห็นโอกาสที่ดี คงไม่นำเงินลงทุนผ่านกองทุนรวม ทำให้กองทุนไม่มีแรงซื้อหุ้นเพิ่ม

เป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีนี้ ฝ่ายวิเคราะห์โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ไม่สวยหรูนัก บางสำนักตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,500 จุด บางสำนักมองที่ 1,600 จุดเท่านั้น ซึ่งหมายถึง ช่องว่างการทำกำไรแคบมาก และอาจไม่คุ้มกับความเสี่ยงการลงทุน

เพราะหุ้นอาจปรับฐานลงมาที่ระดับ 1,500 จุดหรือต่ำกว่าได้

ข่าวดีที่จะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นฟื้นคืนสู่ความคึกคักรอบใหญ่ๆ ในช่วงครึ่งปีหลังไม่มี โดยดัชนีคงแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ อีกยาวนานยันสิ้นปี

กลยุทธ์ที่ดีของนักลงทุนคือ นั่งเฝ้าดูกระดานหุ้นเท่านั้น และงดกิจกรรมซื้อขายหุ้นชั่วคราว เพื่อรักษาตัวให้อยู่รอด เจ็บตัวน้อยจากตลาดหุ้นปี 2566


กำลังโหลดความคิดเห็น