ช่วงรอยต่อระหว่างปิดบัญชีงวด 6 เดือนแรกกับการย่างเช้าสู่ 6 เดือนหลัง ตลาดหุ้นเกิดความคึกคัก ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแรงๆ หลายวันติดต่อ จนขึ้นไปยืนที่ 1,515 จุด แต่แล้วความผันผวนก็กลับมาเยือน เกิดการเทขายหุ้นจนแดงเถือกทั้งกระดาน วันพุธที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ดัชนีหุ้นหลุดต่ำกว่า 1,500 จุดอีกครั้ง ถอยลงปิดที่ 1,479 จุด และเป็นการปิดฉากรอบขาขึ้นระยะสั้น กลับเข้าสู่แนวโน้มขาลง และไม่อาจประเมินได้ว่าจะสร้างจุดต่ำสุดใหม่หรือไม่
ตลาดหุ้นต่างประเทศที่ผันผวนเป็นชนวนให้เกิดการเทขาย โดยนักลงทุนกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มปะทุขึ้น และภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
นักลงทุนต่างชาติยังปักหลักขายอย่างไม่ย่อท้อ โดยมียอดขายหุ้นสะสมจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 6 มิถุนายนจำนวน 1.13 แสนล้านบาท และเป็นปัจจัยกดดันให้หุ้นทรุดลง
หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกคาดหมายว่าจะเป็นหุ้นที่ปลุกตลาดให้สดใส เพราะผลประกอบการไตรมาสที่ 2 กำไรจะออกมาดี และหุ้นธนาคารก่อนหน้าปรับตัวขึ้นหลายวัน
แต่หุ้นธนาคารตกเป็นเป้าหมายในการขายของต่างชาติ เช่นเดียวกับหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่น พร้อมหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ร่วงกันระเนระนาด
สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มธนาคารจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 แล้ว แต่คงไม่สามารถกระตุ้นตลาดหุ้นให้ฟื้นขึ้นมาได้ เพราะยังมีปัจจัยลบใหญ่ๆ ที่กดดันอยู่ ทั้งความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก ความกังวลผลกระทบการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สงครามการค้ารอบใหม่
การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซี่งคงเกิดความพลิกผัน ไม่สามารถโหวตนายกฯ และตั้งรัฐบาลได้โดยง่าย และถ้ายิ่งยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นต่อไป ขณะที่ต่างชาติยังไม่มีสัญญาณหยุดขายหุ้น
สถานการณ์ตลาดหุ้นคงไม่ย่ำแย่เฉพาะครึ่งปีแรกเท่านั้น แต่จะยืดจนถึงครึ่งปีหลัง จนฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ทุกสำนักต้องปรับมุมมองใหม่ ลดประมาณการเป้าหมายดัชนี และบางโบรกเกอร์มองเพียงแค่ 1,500 จุดเท่านั้นในปลายปีนี้
หุ้นขนาดใหญ่ตกเป็นเป้าหมายในการลดน้ำหนักลงทุนของต่างชาติ ถูกเทขายจนราคาปรับตัวลงถ้วนหน้า ไม่ว่าหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ถูกทุบกระเจิง ราคาไหลลงลึกมาก
ส่วนหุ้นเก็งกำไร ทั้งหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็กดิ่งลงหนัก เนื่องจากผลกระทบจากการล่มสลายของหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการขายทิ้งหุ้นเก็งกำไรตัวเล็กๆ
หุ้นเล็กที่มีพฤติกรรมการเก็งกำไรร้อนแรง โดนมีเจ้ามือหรือขาใหญ่ดูแลอยู่เบื้องหลัง ราคาขึ้นลงหวือหวาและเข้าข่ายการสร้างราคา นักลงทุนรายย่อยกำลังหันหลังออกมา เพราะไม่คุ้มเสี่ยงที่จะตามแห่เก็งกำไร
ในความไม่แน่นอนทิศทางของตลาดหุ้น และมีปัจจัยตัวแปรหลายด้านที่รอคอย นักลงทุนควรเฝ้าดูหุ้นอยู่ห่างๆ จนกว่าทิศทางการลงทุนจะชัดเจน และควรเป็นแค่นักสังเกตการณ์มานานแล้ว
แต่นักลงทุนรายย่อยกลับรอไม่ได้ ทยอยซื้อหุ้นเก็บมาคลอดนับจากต้นปี ยิ่งดัชนีปรับฐาน ยิ่งถอยเป็นโอกาสดีในการช้อนซื้อ ซึ่งผลปรากฏว่า นักลงทุนรายย่อยเจ็บหนักที่สุด ซื้อหุ้นสะสมจากต้นปีกว่า 7 หมื่นล้านบาท และต้องติดดอย แบกหุ้นต้นทุนสูงไว้เต็มพอร์ต
หุ้นมีแนวโน้มผันผวนตลอดปีนี้ การหากำไรหรือการทำมาหากินกับส่วนต่างราคาหุ้นจะฝืดเคืองขนาดหนัก
นักเก็งกำไรไม่ควรอยู่ในตลาดหุ้น แต่ควรเว้นวรรคไปสักพัก เพราะตลาดหุ้นปีนี้ไม่เปิดช่องสำหรับเก็งกำไร ไม่ว่าหุ้นขนาดใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดี หรือหุ้นตัวเล็กๆ
และหุ้นที่มีพฤติกรรมสร้างข่าว ปั่นราคาเหมือนหุ้น STARK ซึ่งหุ้นเก็งกำไรตัวเล็กหลายสิบตัวกำลังซบเซาใกล้ตกอยู่ในสภาพหุ้นตายซากเช่นเดียวกับ STARK