ตลาดหุ้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ใส่เกียร์ถอยเต็มตัว ดัชนีหุ้นหัวทิ่มหัวตำ ไหลลงสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบหลายปี แต่ปรากฏการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ หุ้นเก็งกำไร หุ้นร้อนหรือหุ้นปั่น พากันลงเหวกันนับสิบๆ ตัว
นับจากหายนะจากการเก็งกำไรหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ตามติดๆ ด้วยการวอดวายจากหุ้น บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ทำให้หุ้นร้อนหรือหุ้นปั่นเหี่ยวเฉาตามๆ กัน
หุ้นบางกลุ่มร่วงแรงยกแผง ร่วงกันทั้งหุ้นตัวแม่และหุ้นตัวลูก เช่น หุ้นกลุ่มบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART หุ้นกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กลุ่มบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA
หุ้นเก็งกำไรรายตัวก็สิ้นฤทธิ์เหมือนกัน เช่นหุ้นบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA หุ้นบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER หุ้นบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY
หุ้นบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER หุ้นบริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL และหุ้นร้อนตัวเล็กอีกนับสิบๆ ตัว
บทเรียนความย่อยยับจากการแห่เก็งกำไรหุ้นตามเสียงเชียร์ เล่นหุ้นที่มีเจ้าของดูแล หุ้นที่มีพฤติกรรมปั่น โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ทำให้นักลงทุนตระหนักถึงความเสี่ยง และระมัดระวังมากขึ้น
ทุกคนน่าจะประเมินกันว่า ความล่มสลายของหุ้นร้อน หายนะจากหุ้นเก็งกำไร และหุ้นที่สร้างภาพลวงตาหลอกต้มนักลงทุนจะไม่จบลงที่ STARK และ OTO เท่านั้น
แต่จะมีหุ้นปั่น หุ้นของปลอม หุ้นเน่าๆ หรือหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมทยอยล้มตายตามมาอีกเป็นระลอก
นักลงทุนบางส่วนตัดสินใจยอมเจ็บ ยอมตัดขาดทุน ขายทิ้งหุ้นที่มีความเสี่ยงจะอวสานเช่นเดียวกับ STARK และ OTO
แรงขายหุ้นร้อน หรือหุ้นที่มีพฤติกรรมปั่น กดดันให้ราคาหุ้นทรุดฮวบ และยังถูกซ้ำเติมจากแรงขาย FORCE SELL หรือการบังคับขายหุ้นเข้ามาอีก
เจ้ามือหุ้นจำนวนนับสิบๆ บริษัท ซึ่งนำหุ้นไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันมาร์จิ้น หรือวงเงินสินเชื่อเพื่อการซื้อหุ้นถูกบังคับขายหุ้นกันเป็นจำนวนมาก
กลยุทธ์การซื้อหุ้นถั่วเฉลี่ยต้นทุนเดิมไม่อาจนำมาใช้ได้ในยามหุ้นขาลง และนักลงทุนส่วนหนึ่งอาจถอดใจกับการซื้อถัวเฉลี่ยแล้ว เพราะยิ่งซื้อถัวเฉลี่ย ยิ่งเจ็บตัวหนักขึ้น
ในรอบ 2 สัปดาห์ หุ้นร้อนตัวเล็กๆ ดิ่งลงเหวกันยกโขยงนับสิบๆ บริษัท ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการบังคับขายหุ้น และอีกส่วนหนึ่ง น่าจะเกิดจากนักลงทุนปรับพฤติกรรมการซื้อขายหุ้น
การเก็งกำไรหุ้นรายตัวในลักษณะซื้อขายรายวัน หรือเดย์เทรดลดลง หุ้นร้อนที่มีการสร้างข่าวกระตุ้น หุ้นที่มีเจ้าของดูแล หุ้นที่ราคาเคลื่อนไหวอย่างหวือหวา หุ้นที่ผลประกอบการย่ำแย่ ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และหุ้นที่มีพฤติกรรมสร้างราคา หรือปั่นกำลังหมดความนิยม
48 ปี นับจากก่อตั้งตลาดหุ้น นักลงทุนถูกมอมเมาให้เป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น เล่นหุ้นรายวัน เล่นหุ้นผีบอก ซื้อขายหุ้นตามข่าวลือ วิ่งหาหุ้นผีบอก หรือยอมจ่ายเงินก้อนโต สมัครเข้าเป็นสาวกของคนที่อวดอ้างเป็นกูรูหุ้น เพื่อแลกกับการใบ้หุ้นรายตัวเป็นรายวัน
นักลงทุนจำนวนนับล้านคนต้องหมดเนื้อหมดตัวเดินออกจากตลาดหุ้นโดยไม่เหลียวหลังกลับมา เพราะถูกมอมเมาให้เป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น และตกเป็นเป็นเหยื่อของหุ้นปั่น
แต่ความล่มจมจากหุ้น STARK และ OTO ปลุกให้นักลงทุนได้สติ หูตาสว่าง และเห็นถึงหายนะ หากไม่ปรับพฤติกรรมการลงทุนใหม่ และยังจมปรักกับการเก็งกำไรระยะสั้น เล่นหุ้นตามแห่ และหวังรวยเร็วจากหุ้นปั่น
นักลงทุนเริ่มสลัดหรือคัดหุ้นร้อน หุ้นที่มีพฤติกรรมปั่นออกจากพอร์ต ทยอยขายทิ้ง ทำให้หุ้นตัวเล็ก หรือหุ้นที่มีพฤติกรรมสร้างภาพลวงตานับสิบๆ ตัว ราคาจมดิ่ง และเริ่มกลายสภาพเป็นหุ้นตายซาก
วอลุ่มการซื้อขายหดหาย ราคาทรุดลงไปกองกับพื้น ปรับตัวลงไม่ต่ำกว่า 50% ของราคาสูงสุดในรอบ 12 เดือน และหลายตัวราคาทรุดลงถึง 70-80%
ยุคของหุ้นร้อน หุ้นเก็งกำไรโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ หุ้นที่สร้างภาพลวงตา หุ้นที่ขายฝันการเติบโตในอนาคต และหุ้นปั่นกำลังปิดฉากลง
หุ้นเก็งกำไรยอดนิยมก่อนหน้าตกเป็นเป้าถูกเทขายทิ้ง เพราะนักลงทุนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ ไม่เอาแล้วกับการเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งไร้เหตุผล ไม่เอาแล้วกับหุ่นปั่น และพากันขายหนีตายหุ้นเน่าๆ
หุ้นเก็งกำไรร้อนแรง หุ้นปั่นกำลังจะตายซากเกลื่อนตลาดหุ้น ใครลังเลไม่กล้าตัดสินใจขายทิ้ง จุดจบอาจหมดตัวเหมือนหุ้น STARK และ OTO