หลายวันติดต่อกันแล้วที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ควงแขนกันปรับตัวขึ้น เพราะคาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะทยอยประกาศนับจากสัปดาห์หน้าจะออกมาสดใส ผลกำไรเติบโตขึ้น
ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน แบงก์ขนาดเล็กขนาดใหญ่เริ่มฟื้นตัว โดยมีเสียงเชียร์จากโบรกเกอร์หลายสำนักแนะให้ซื้อเก็บ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาปรับฐานลงถึงจุดที่น่าสนใจ ขณะที่ผลประกอบการมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น และปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
เพราะแบงก์ขนาดใหญ่แต่ละแบงก์มีค่าพี/อี เรโชต่ำกว่า 10 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
ราคาหุ้นแบงก์ที่ยุบตัวลงมาก่อนหน้าเป็นเพราะต่างชาติเทขาย และนักลงทุนกังวลผลกระทบหนี้เสีย โดยไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวของหุ้น
แต่เมื่อมีสัญญาณการกลับตัว นักลงทุนจึงแห่เข้ามาช้อนซื้อ ทำให้ราคาบวกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2 ซึ่งนักลงทุนมองว่าอาจเป็นการทำวินโดว์เดรสซิ่ง หรือทำราคาปิดหุ้นเพื่อให้บัญชีเงินลงทุนในหลักทรัพย์สูงขึ้นเท่านั้น
หลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์หุ้นแบงก์ลุ่มๆ ดอนๆ บางครั้งซบเซายาวนาน หมดฟอร์มเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เพราะนักลงทุนไม่ให้ความสนใจ แม้การซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาว เนื่องจากไม่มีแรงจูงใจ และยังมีความเสี่ยงปัญหาหนี้เสีย ทำให้ต้องตั้งสำรองมากขึ้น ฉุดผลประกอบการชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม แม้หุ้นแบงก์จะผันผวนตามภาวะตลาด แต่มีความผันผวนรุนแรงน้อยกว่าหุ้นในหลายกลุ่ม เพราะผลประกอบการมีกำไร และจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่อง และค่าพี/อี เรโชเฉลี่ยต่ำกว่าหุ้นกลุ่มอื่น
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีค่าพี/อี เรโช 9.42 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.82% ไตรมาสแรกมีผลกำไร 10,129.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,118.06 ล้านบาท ราคาปิดล่าสุด 160.50 บาท
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มีค่าพี/อี เรโช 8.83 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.04% ไตรมาสแรกมีกำไรสุทธิ 10.741.06 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,210.96 ล้านบาท ราคาปิดล่าสุด 133.50 บาท
บริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB มีค่าพี/อี เรโช 9.44 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.22% ไตรมาสแรกมีกำไรสุทธิ 10,995.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,192.86 ล้านบาท ราคาหุ้นล่าสุดปิดที่ 109.50 บาท
และหุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีค่าพี/อี เรโช 7.75 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.52% ไตรมาสแรกมีกำไรสุทธิ 10,066.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,780.34 ล้านบาท ราคาหุ้นล่าสุดปิดที่ 109.50 บาท
ดัชนีหุ้นที่วิ่งทะลุ 1,500 จุดขึ้นมาได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงขับเคลื่อนจากหุ้นกลุ่มแบงก์ และขับเคลื่อนจนมายืนที่ระดับ 1,515 จุด โดยในระยะสั้นหุ้นกลุ่มแบงก์มีแนวโน้มเดินหน้าต่อ เพราะมีแรงซื้อเก็งกำไรดักผลประกอบการไตรมาส 2 ที่จะเริ่มทยอยประกาศออกมา และถ้าผลประกอบการออกมาดี รอบนี้หุ้นแบงก์คงฟื้นได้ยาว
แต่นักลงทุนอาจแบ่งไม้ขายออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง เพราะภาพรวมการลงทุนยังไม่ดีนัก ซึ่งหุ้นแบงก์อาจพักปรับฐานบ้าง เว้นแต่นักลงทุนที่พร้อมซื้อและถือยาว เพราะเงินปันผลโดยรวมกลุ่มแบงก์ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
รอบของแบงก์มาแล้ว แต่ต้องลุ้นกันว่าจะไปต่อได้ยาวขนาดไหนเท่านั้น และผลประกอบการไตรมาส 2 ที่จะทยอยประกาศปลายสัปดาห์หน้าจะเป็นคำตอบ