xs
xsm
sm
md
lg

บล.เอเซีย พลัสมองหุ้นไทยQ3ผันผวน การเมืองปัจจัยสำคัญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 ผันผวน จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจ
สหรัฐฯและยุโรป ที่มีโอกาสเกิดภาวะ Recession หลังจากธนาคารกลาง (FED และ ECB) ส่งสัญญาณชัดต่อการ
ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดผ่านการขึ้นดอกเบี้ยฯ ขณะทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มฟื้นตัว และการเมืองในประเทศเป็นตัวแปรที่สำคัญ ประเมินระดับเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1480/1542 จุด


นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าในช่วงครึ่งปีแรก ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเสถียรภาพและการเปลี่ยนผ่านนโยบายต่างๆ เริ่มจากนโยบายการเงินที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยฯจาก 1.25% ช่วงต้นปีมาที่ 2% ในปัจจุบัน , ความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังต่อการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งและความเชื่อมั่นของนักลงทุนกรณี STARK ส่งผลต่อ Fund Flow ต่างชาติไหลออกในปีนี้ 1.07 แสนล้านบาทกดดันตลาดหุ้นไทยปรับลง 9.9% Underperform สวนทางตลาดหุ้นโลกที่ปรับขึ้น 12.8%

อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลังที่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ FED และ ECB ที่เริ่มส่งผลมายังภาคเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว อีกทั้งยังส่งสัญญาณ
ปรับขึ้นดอกเบี้ยฯเพื่อกดเงินเฟ้อฯให้ลงมาอยู่ในระดับเป้าหมาย 2% ทำให้ความเสี่ยง Recession ของสหรัฐฯและ
ยุโรปไม่หมดไป สวนทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเติบโตจากภาคบริโภคในประเทศและท่องเที่ยว ด้าน
ทิศทางเงินเฟ้อฯ พ.ค.อยู่ในระดับ 0.53%yoy ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. ในช่วง 1-3% ลดแรงกดดันต่อการ
ปรับขึ้นดอกเบี้ยฯของ กนง.

ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 ฝ่ายวิจัยฯคาดอยู่ที่ 1.12 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น EPS66F ที่ระดับ 91.8 บาท/หุ้น เติบโต 12.6%yoy ซึ่งในเชิง Valuation จะได้ค่า Market Earning Gap ที่ 4.11%ใกล้ค่าเฉลี่ยในรอบ 12 ปี จึงทำให้ทิศทาง Fund Flow มีโอกาสไหลกลับ โดยกำหนดเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1542 จุด (จาก Market Earning Yield Gap 4.0% , ดอกเบี้ยนโยบาย2.0% และ EPS66F 91.8 บาท/หุ้น) และถ้า กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งได้ Target SET 1480 จุด บริเวณนี้ถือแนวรับทางพื้นฐาน และโซนในการสะสมหุ้นที่ดี

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมหุ้นเมื่อ SET Index อยู่ในระดับต่ำกว่า 1480 จุด โดยเลือกหุ้นพื้นฐานดีราคาลง
ลึก พร้อมกับมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือ BEM, JMT, SCGP, SCB, IVL, ERW, III

นายบำรุงพงษ์ ชีวธนากรณ์กุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์หุ้นต่างประเทศ บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นสหรัฐเดือน ก.ค. ยังคงถูกกดดันจากการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดของ FED เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมองว่าการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดจะไม่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นสหรัฐเหมือนในปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันเงินเฟ้อสหรัฐเดือน พ.ค. 2023 ลดลงต่อเนื่อง 11 เดือนติดต่อกันและทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี รวมถึงมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฝ่ายกลยุทธ์หุ้นต่างประเทศมองว่าเป็นจังหวังทยอยสะสมหุ้นสหรัฐที่ผลประกอบการมีแนวโน้มออกมาดี อาทิกลุ่ม Technology, Communication Services ที่นักวิคราะห์คาดกำไร 2Q23 – 4Q23 จะเติบโตต่อเนื่องและกลุ่ม Consumer Discretionary ที่คาดว่ากำไรจะพลิกกลับมาโดดเด่นใน 3Q23 และ 4Q23

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยสะสมหุ้นบริเวณแนวรับดัชนี S&P500 ที่ 4325 – 4300 จุด โดยเลือกหุ้นจากกลุ่มที่มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์จาก AI และมีแนวโน้มผลประกอบการออกมาดีในอนาคต หุ้นเทคโนโลยีที่เป็น Big Cap ที่ยังไม่ทำ ALL TIME HIGH ได้แก่ Netflix และ Amazon

ขณะภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นจีนเดือน ก.ค. ยังถูกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่แม้มีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆมากขึ้น ผ่านการลดดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ รวมถึงลดอัตราการดำรงเงินสำรอง (RRR) พร้อมกันนั้นฝ่ายกลยุทธ์คาดคาดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนจะขยายตัวได้ดีใน 4Q23 เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับวันหยุดยาว (Golden Week) โดยข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวเผยว่า ช่วงวันหยุดยาว Golden Week มีจำนวนผู้เดินทางในประเทศสูงที่สุดจากทุกเทศกาล เนื่องจากกินเวลาวันหยุดกว่า 7-8 วัน และด้วย Valuation ของดัชนี HSI Index ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ Forward P/E บริเวณต่ำกว่า 1SD ซึ่งมองว่าเป็นบริเวณที่ Down Side Risk จำกัด ทำให้ฝ่ายกลยุทธ์เห็นจังหวะในการเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวชัดเจน

ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นบริเวณแนวรับดัชนี HSI Index ที่ 19,000 จุด โดยเลือกหุ้น Big Cap. ที่มี Valuation ต่ำพร้อมกับการปลดล็อคมูลค่าของกิจการผ่านการนำบริษัทลูกเข้า IPO ได่แก่ Alibaba , JD. com


กำลังโหลดความคิดเห็น