xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นกลุ่ม "มหากิจศิริ" ตายซ้ำตายซาก / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คำตัดสินของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 จำคุก "นายประยุทธ์ มหากิจศิริ" เจ้าพ่อเนสกาแฟ เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ในความผิดสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ โดยรุกป่าที่จังหวัดกระบี่ ทำให้หุ้นกลุ่มมหากิจศิริที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถูกจับตามอง

หุ้นกลุ่มมหากิจศิริ หรือหุ้นที่ตระกูลมหากิจศิริถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วยหุ้น บริษัท ไทยฟิล์ม อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ TFI หุ้นบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA และหุ้นบริษัท โพสโค-ไทยน็อคซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INOX

แม้นายประยุทธ์ จะวางมือจากธุรกิจไปแล้ว และทิ้งมรดกให้ลูกชายคนโต นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ดูรับสืบทอดต่อ แต่การถูกศาลตัดสินจำคุกในคดีรุกป่าสงวน โดยไม่รอลงอาญา ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางธุรกิจของกลุ่มมหากิจศิริ และหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของกลุ่มมหากิจศิริ

กลุ่มมหากิจศิริเคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยุคต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 และทำท่าจะมีปัญหาด้านฐานะทางการเงิน แต่หลังจากเข้ามาคลุกคลี เดินตาม นายทักษิณ ชินวัตร และมีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายประยุทธ์ จึงเริ่มฟื้น จนเป็นเจ้าของกิจการมากมาย

รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3 บริษัทคือ TFI INOX และ TTA

นายประยุทธ์ เคยสร้างธุรกรรมกับ TFI และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังปี 2540 โดยนำเงินเพิ่มทุนของ TFI ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี จำกัด บริษัทผลิตสายไฟฟ้าทองแดง ซึ่งเป็นกิจการของกลุ่มมหากิจศิริ และไทยคอปเปอร์ได้ออกวอร์แรนต์ หรือใบสำคัญแสดงสทธิจองซื้อหุ้นสามัญ แต่แทนที่จะออกวอร์แรนต์ให้ TFI กลับออกวอร์แรนต์ให้นายประยุทธ์

สำหรับบริษัท ไทย คอปเปอร์ จำกัด ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 และล้มละลายไปแล้ว โดยมีหนี้สินกับธนาคารกรุงไทยกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์ มีใบสั่งให้คนแอบเข้าไปขโมยสายทองแดงค้างสต๊อกจากโกดังบริษัท แต่เจ้าหนี้แจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ยกแก๊ง แต่ไม่ได้สาวไปถึงตัวผู้บงการ

INOX หรือ TNOX เดิม กลุ่มมหากิจศิริถือหุ้นในสัดส่วนมากกว่า 50% แต่ได้ขายให้บริษัท โพสโค และต่อมานายเฉลิมชัย ได้ซื้อคืนมาในสัดส่วน 10% ของทุนจดทะเบียน จึงไม่ได้ถือเป็นหุ้นของกลุ่มมหากิจศิริ

แต่ TFI และ TTA กลุ่มมหากิจศิริยังถือหุ้นใหญ่ โดย TFI กลุ่มมหากิจศิริถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนประมาณ 84% ของทุนจดทะเบียน ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยมีจำนวน 3,690 ราย ส่วน TTA กลุ่มมหากิจศิริถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนประมาณ 25% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 29,872 ราย

หุ้น TFI และ TTA อยู่ในสภาพตายซาก โดยเฉพาะ TFI ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง ราคาหุ้นทรุดตัวลงตลอด ล่าสุด ปิดที่ 10 สตางค์ ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ติดหุ้นต้นทุนสูง เช่นเดียวกับหุ้น TTA ซึ่งเคยเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม แต่ปัจจุบันเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ให้ความสนใจ

และผู้ถือหุ้นรายย่อย TTA จำนวนเกือบ 3 หมื่นราย ส่วนใหญ่ “ติดกับ” หุ้นตัวนี้ ขาดทุนกันถ้วนหน้า

การถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือนของนายประยุทธ์ จึงไม่มีผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มมหากิจศิริมากนัก เพราะราคาหุ้นร่วงลงกองกับพื้นอยู่แล้ว

แต่อาจมีผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ทางธุรกิจของกลุ่มมหากิจศิริ และหุ้นกลุ่มมหากิจศิริที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นายประยุทธ์ มหากิจศิริ ติดอันดับมหาเศรษฐีลำดับต้นๆ แต่บั้นปลายชีวิตในวัย 78 ปี ถูกตัดสินจำคุกคดีรุกป่าสงวน

ทรัพย์สินและความร่ำรวยที่สร้างมาให้ทายาทสืบทอด จนเสวยสุขได้ตลอดชาติ คุ้มหรือไม่กับพฤติกรรมความผิดที่ต้องชดใช้ในความผิดคดีทุจริต และเป็นตราบาปของกลุ่มมหากิจศิริ

เพราะความร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีของนายประยุทธ์ คงมีคำถามตามมาถึงเบื้องหลังของความมั่นคั่งที่ได้มา








กำลังโหลดความคิดเห็น