หุ้นไทยยังร่วงไม่เลิก ปิดตลาด -9.91 จุด นักวิเคราะห์เผย หุ้นไทยวันนี้ลงไปแรงสุดในภูมิภาค จากแรงขายหุ้นบิ๊กแคปถ่วง เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศกังวลความเป็นอิสระของแบงก์ชาติ หลังมีชื่อคนในรัฐบาลเป็นแคนดิเดดประธานบอร์ดคนใหม่เข้าล้วงลูกการทำงาน เอื้อประโยชน์ให้รัฐบาล มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับ 1,315 จุด และ แนวต้าน 1,343 จุด แนะจับผลผลสรุปการประชุม ECB คืนนี้
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 6 มิ.ย. 2567 ปรับตัวลดลง -9.91 จุด หรือ -0.74% โดยปิดตลาดที่ 1,328.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,540.12 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับตัวลงแรงโดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,344.48 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,325.71 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 112 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 168 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 387 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -3,184.65 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -158.82 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,219.27 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +1,124.20 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,960.12 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 1.50 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,014.43 ล้านบาท ปิดที่ 32.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
3.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,843.04 ล้านบาท ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
4.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,499.25 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,370.94 ล้านบาท ปิดที่ 134.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่75.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00บาท หรือ 4.14%
2.HANA ปิดที่41.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.70%
3.BH ปิดที่244.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00บาท หรือ 0.83%
4.KCE ปิดที่41.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาท หรือ 3.75%
5.SISB ปิดที่37.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 2.72%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่234.00 บาท ลดลง 4.00บาท หรือ 1.68%
2.BBL ปิดที่134.00 บาท ลดลง 2.00บาท หรือ 1.47%
3.AOT ปิดที่61.75 บาท ลดลง1.50บาท หรือ 2.37%
4.PTTEP ปิดที่151.50 บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 0.98%
5.SCGP ปิดที่33.75 บาท ลดลง 1.25บาท หรือ 3.57%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,803.92 จุด ลดลง -12.89 จุด หรือ -0.71% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 817.15 จุด ลดลง -5.70 จุด หรือ -0.69% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 367.27 จุด ลดลง -5.13 จุด หรือ -1.38%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรง ถือว่าแย่ที่สุดในภูมิภาค แม้มีแรงซื้อจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ช่วยประคองดัชนีไว้ระดับ แต่ไม่สามารถต้านทานแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ได้ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากประเด็นที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ารัฐบาลเตรียมเสนอชื่อ 2 บุคคลใกล้ชิดเป็นแคนดิเดต ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากนายปรเมธี วิมลศิริ อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์จะครบวาระในเดือน ก.ย.หลังจากรัฐบาลและ ธปท. มีความขัดแย้งด้านนโยบายเศรษฐกิจ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อความเป็นอิสระของ ธปท. ทำให้ภาพการลงทุนช่วงนี้อาจดูไม่น่าสนใจ
นอกจากนั้น ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีทางการเมืองสำคัญ คือ คำร้องยุบพรรคก้าวไกล, การพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และคดีที่อัยการสูงสุดจะส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ผิด ม.112 โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติตินายกฯ อาจมีผลต่อการอภิปรายงบประมาณปี 68 ในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้
"แนวโน้มพรุ่งนี้คาดลาดแกว่งในกรอบแนวรับ 1,315 จุดและแนวต้าน 1,343 จุด แนะนำนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะประกาศออกมาในคืนนี้ ขณะที่ Sentiment ต่างประเทศในแง่ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดดีขึ้นเล็กน้อยหลังการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอ ทั้งนี้ หาก ECB ลดดอกเบี้ยและเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้อาจจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยได้" นายศราวุธ กล่าวทิ้งท้าย