หุ้นไทยยังเจอแรงกดดันเข้ากระทบอย่างต่อเนื่องปิดตลาด ร่วง -0.02 จุด หลังเจอแรงขายกลุ่มค้าปลีกที่กังวลการแข่งขันสูง และกลุ่มธนาคารที่คาดการณ์ว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่ปรับร่วงลงแรงมากนัก เนื่องจากยังมีหุ้นกลุ่มพลังงานเข้าประคอง มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ยังคงแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบแคบโดยประแนวรับที่ 1,373 จุด และแนวต้านที่ 1,385 จุด แนะจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ และเงินเฟ้อของไทยในวันศุกร์นี้
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 2 เม.ย. 2567 ปรับตัวลดลง -0.02 จุด หรือ 0.00% โดยปิดตลาดที่ 1,379.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,240.09 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวสลับขึ้นทั้งแดนบวกและแดนลบ โดยภาคเช้าปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกช่วงสั้นๆก่อนที่ปรับตัวลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ ระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,382.01 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,374.77 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 207 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 204 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 246 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,580.71 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +634.31 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +477.99 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +468.41 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,030.15 ล้านบาท ปิดที่ 155.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
2.KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,813.83 ล้านบาท ปิดที่ 16.60 บาท ลดลง 0.30 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,795.46 ล้านบาท ปิดที่ 122.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,617.39 ล้านบาท ปิดที่ 54.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.CRC มูลค่าการซื้อขาย 1,209.30 ล้านบาท ปิดที่ 34.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 155.00บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 2.65%
2.TOP ปิดที่59.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.72%
3.SCGP (XD) ปิดที่30.00บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาทหรือ 2.56%
4.CENTEL ปิดที่ 43.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.75%
5.SAPPE ปิดที่90.25บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 0.84%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่203.00บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.98%
2.KBANK ปิดที่122.50บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.21%
3.AEONTS ปิดที่157.50บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.94%
4.MOSHI ปิดที่54.25บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.81%
5.BH ปิดที่225.00 บาท ลดลง1.00 บาท หรือ 0.44%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,874.62 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด หรือ 0.08% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 845.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด หรือ 0.07% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 406.77 จุด ลดลง -3.53 จุด หรือ -0.86%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ขาดปัจจัยใหม่หนุน โดยมีแรงขายกดดันจากหุ้น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มค้าปลีก อาทิ CPALL และ CPAXT ที่ปรับตัวลงมาจากความกังวลการแข่งขันสูงขึ้น และกลุ่มแบงก์จากการคาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในสัปดาห์หน้า ส่งผลลบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานรับราคาน้ำมันสูงขึ้นช่วยพยุงให้ตลาดทรงตัวอยู่ได้ รวมทั้งมีปัจจัยบวกการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตทั้งจีน สหรัฐ และยุโรป ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ วอลุ่มซื้อขายวันนี้ขยับขึ้นมาจากเมื่อวานแม้ดัชนียังไม่ไปไหน แต่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา
"แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้าง นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มี.ค. ของสหรัฐ และการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในวันศุกร์นี้ โดยให้กรอบแนวรับ 1,373 จุด และแนวต้าน 1,385 จุด" นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย