ตั้งแต่ต้นปี 2567 เรื่อยมา ตลาดหุ้นตกอยู่ภายใต้บรรยากาศที่ซบเซาต่อเนื่อง ดัชนีปักหัวลงเต็มตัว และมีแนวโน้มถอยไปสู่แนวรับ 1,350 จุด ซึ่งจะเป็นจุดที่เลวร้ายสุดในรอบกว่า 3 ปี
รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ให้ความสนใจกับความเป็นไปในตลาดหุ้นไม่น้อย สั่งทั้งทางตรงและทางอ้อม กำชับให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเร่งหามาตรการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
แต่ยังไม่มีมาตรการที่เป็นชิ้นเป็นอันจากตลาดหลักทรัพย์ในการกระตุ้นตลาดหุ้นให้เกิดความคึกคักได้ แม้ว่าตลาดหุ้นในหลายประเทศจะสดใส ทะยานขึ้นจนสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ก็ตาม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ ไม่ได้มองตลาดหุ้นปีนี้ในเชิงลบมากนัก และประเมินว่า ดัชนีระดับ 1,400 จุดน่าจะยืนอยู่ได้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน และการบริโภคภายในเริ่มกระเตื้องขึ้น
แต่หุ้นกลับซึมลงติดต่อหลายวันทำการ แม้ต่างชาติจะไม่ได้เทขายรุนแรง และตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นกันเขียวขจีก็ตาม
การท่องเที่ยวและการบริโภคภายในที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น มีน้ำหนักไม่เพียงพอในการผลักดันให้ตลาดกลับขึ้นสู่ความคึกคัก และยังไม่มีมาตรการใดที่จะจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้น
ตลาดหุ้นอยู่ในสภาพขาดเสน่ห์อย่างแรง ขณะที่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไม่มีมาตรการใดที่จะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน แม้แต่การห้าม SHORT SELL หรือระงับการซื้อขายผ่าน ROBOT ยังไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด
แม้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้และตลาดหุ้นจีนจะระงับธุรกรรม SHORT SELL นำร่องเพื่อแก้ปัญหาหุ้นตกแล้วก็ตาม
หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้นดูเหมือนจะหมดความกระตือรือร้นในการแก้ปัญหาความตกต่ำของตลาดหุ้นกันแล้ว ทำได้เพียงนั่งดูหุ้นตกไปวันๆ
ปัญหาในภาพใหญ่ของตลาดหุ้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่อาจตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นฟูบรรยากาศการซื้อขายหุ้นให้กลับขึ้นสู่ความคึกคักได้
ปัญหาในภาพย่อยของหุ้นรายตัว ซึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายสร้างราคา และสร้างข่าวเชียร์หุ้นกันอย่างโจ๋งครึ่ม เพื่อหลอกลวงแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ไม่มีมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อปราบปราม
สถานการณ์ตลาดหุ้นตกอยู่ในสภาพที่น่าวังเวง โดยเฉพาะระยะสั้นที่ไร้ทิศทาง และมีแนวโน้มซึมลงไปเรื่อยๆ เพราะขาดปัจจัยกระตุ้น และไม่มีข่าวดีที่นักลงทุนรอคอย
หุ้นที่ตกต่ำอย่างหนัก ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์รัฐบาลแน่ เพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ และสะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นของรัฐบาล
แต่นายเศรษฐา จะปล่อยให้ตลาดหุ้นตกอยู่ในสภาพซังกะตาย ปล่อยให้คะแนนนิยมรัฐบาลเสื่อมถอยต่อไปหรือ และจะต้องหามาตรการพลิกฟื้นการลงทุนให้ได้
ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์เป็นกลไกสำคัญที่จะปลุกตลาดหุ้นให้กลับมาคึกคัก แต่ทั้งสองหน่วยงานกลายเป็นองค์กรที่หลับใหล ไม่มีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนแต่อย่างใด
นักลงทุนที่เปิดบัญชีลงทุนในตลาดหุ้น ตัวเลขล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมกราคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,576,462 ราย ทั้งหมดกำลังทุกข์หนัก เพราะหุ้นตกทุกวัน
นักลงทุนทั้งหมดใกล้จะสิ้นใจ แต่มองไม่เห็นว่าจะมีใครมากอบกู้ตลาดหุ้นที่กำลังพังทลาย กลายเป็นป่าช้าฝังคนกว่า 2.5 ล้านคน