บรรยากาศการซื้อขายหุ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้กลายเป็นหนังคนละม้วนกับเดือนมกราคม โดยดัชนีพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติที่กำลังไล่ซื้อหุ้นฝุ่นตลบ
เดือนมกราคมที่ผ่านมา หุ้นซบเซาอย่างหนัก ดัชนีทรุดลงกว่า 49 จุด นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นต่อเนื่อง รวมยอดขายกว่า 30,000 ล้านบาท
ในช่วงที่หุ้นตกต่ำ ดัชนีถอยกรูดลงไปสร้างจุดต่ำสุดในรอบปีที่ประมาณ 1,356 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นไม่ยั้ง จนกูรูหุ้นทั้งหลายประเมินว่า แนวรับที่ระดับ 1,350 จุดคงเอาไม่อยู่ และสถานการณ์อาจเลวร้าย
ดัชนีมีโอกาสถอยลงลึกจนหลุดระดับ 1,300 จุด
แต่เปิดฉากเดือนกุมภาพันธ์ สถานการณ์การลงทุนเปลี่ยนในพริบตา โดยนักลงทุนต่างชาติกลายเป็นอัศวินม้าขาว กลับมาไล่ซื้อหุ้น และซื้ออย่างต่อเนื่อง 4 วันทำการ รวมยอดซื้อสุทธิ 7,951 ล้านบาท ผลักดันให้ดัชนีเด้งขึ้นมาแล้วประมาณ 30 จุด
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ดัชนีหุ้นปิดที่ 1,396.96 จุด และมีแนวโน้มวิ่งต่อตีฝ่าแนวต้าน 1,400 จุดอีกครั้ง
แต่เป้าหมาย 1,400 จุดอาจน้อยเกินไป ถ้านักลงทุนต่างชาติยังซื้อหุ้นไม่เลิก ขณะที่เริ่มมีข่าวดีๆ ในการแก้ปัญหาตลาดหุ้นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา
ทั้งมาตรการกำกับดูแลโปรแกรมการซื้อขายหุ้นหรือ ROBOT TRADING การเข้มงวดในการกำกับบริษัทจดทะเบียน ป้องกันโศกนาฏกรรมซ้ำรอยคดี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งแต่งบัญชีหลอกลวง สร้างความเสียหายให้นักลงทุนหลายหมื่นล้านบาท
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในองค์กร โดยการผ่าตัดโครงสร้างคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ และอาจรวมถึงกรรมการและผู้จัดการคนปัจจุบัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาของนักลงทุนได้ทันสถานการณ์ ก่อนความเสียหายจะลุกลาม
นอกจากนั้น ธุรกิจการท่องเที่ยวกำลังกลับมาคึกคัก และจะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ พร้อมการกระตุ้นตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นขึ้นจากหลุม
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นกลับมามีชีวิตชีวา นักลงทุนมีความหวังขึ้น เกิดจากการนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งกลายเป็นผู้ชี้นำตลาด
แต่ยังมีคำถามว่า ต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นต่อเนื่องยาวนานเพียงใด
การกลับมาของต่างชาติครั้งนี้มีนัยสำคัญอยู่ เพราะซื้อติดต่อ 4 วันทำการ ไม่เหมือนก่อนหน้าที่ซื้อเพียง 1 หรือ 2 วัน หลังจากนั้นถล่มขาย
ปี 2566 ต่างชาติขายหุ้น 1.69 แสนล้านบาท เดือนมกราคมที่ผ่านมา เทขายซ้ำอีกกว่า 30,000 ล้านบาท รวมยอดการขายหุ้นสะสมของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ปี 2566 ถึงสิ้นเดือนมกราคม 2567 มีจำนวนประมาณ 2 แสนล้านบาท
ถ้าปีนี้ต่างชาติกลับมาซื้อเท่าจำนวนที่ขายออก หุ้นคงวิ่งหูดับตับไหม้ และเป้าหมายดัชนีจะต้องปรับเปลี่ยน จากที่โบรกเกอร์ประมาณการไว้ประมาณ 1,550 จุด อาจปรับใหม่ทะลุ 1,600 จุดไปเลย
แต่อย่าเพิ่งมองโลกสวย หรือตั้งความหวังการกลับมาของต่างชาติสูงเกินไป เพราะยังไม่รู้ว่าต่างชาติกลับมาไล่ซื้อหุ้นคืนด้วยสาเหตุใด เพราะปัจจัยภายในประเทศไม่มีอะไรเปลี่ยนมากมาย มีแต่การท่องเที่ยวเท่านั้นที่ฟื้นตัวอย่างชัดแจ้ง
ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติจะต้องจับตากันอย่างใกลบ้ชิดต่อไป
และถ้ามีความมั่นใใจ หรือมีสัญญาณว่ารอบนี้ต่างชาติยกทัพใหญ่กลับมาบุกตลาดหุ้นไทยจริง
บางทีนักลงทุนรายย่อยอาจไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขายก็ได้ รอให้หุ้นวิ่งไปอีกสักหน่อยจึงหาจังหวะขายน่าจะพอไหว