คดีแต่งบัญชีและงบการเงิน ผ่องถ่ายเงิน ฉ้อโกงประชาชนใน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK แม้อัยการจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว 7 คน แต่สังคมยังมีคำถามที่คาใจ เพราะตัวการใหญ่หลายคนยังลอยนวลอยู่
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษผู้ร่วมกระทำความผิดคดีหุ้น STARK จำนวนทั้งสิ้น 11 ราย แต่ในชั้นอัยการสั่งฟ้องเพียง 7 ราย
ส่วนอีก 4 รายที่อัยการไม่สั่งฟ้องในคราวเดียวกัน ประกอบด้วย นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK น.ส.ยสบวร อำมฤต เลขานุการ นายชนินทร์ เย็นสุขใจ
นายชนินทร์ เย็นสุขใจ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK ซึ่งหอบเงินก้อนโตหนีหายไปต่างประเทศ และนายกิตติศักดิ์ จิตร์ประเสริฐงาม
นายวันรัชต์ น.ส.ยสบวร และนายกิตติศักดิ์ อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนอัยการจะมีคำสั่ง ส่วนนายชนินทร์ ที่หนีไปเสวยสุขในต่างประเทศพร้อมกับเงินที่ปล้นไปจากประชาชน ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในการติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี
ขณะที่นายชินวัฒน์ อัศวโภคี อดีตกรรมการ STARK และเป็นมือกฎหมาย ซึ่งเป็น 1 ใน 11 ผู้ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ หลุดจากความผิดไปตั้งแต่ชั้นสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
คดีหุ้น STARK เป็นการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์รอบ 49 ปีนับจากก่อตั้งตลาดหุ้น โดยเป็นการโกงที่มีการวางแผนมาอย่างดีหลายปี หรือนับตั้งแต่นายวนรัชต์ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน STARK เมื่อปี 2561
การแต่งบัญชี สร้างรายได้เทียม สร้างลูกหนี้เท็จ ทำให้ STARK กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีอนาคตสดใส ผลกำไรเติบโต ดำเนินมาติดต่อ จนทุกฝ่ายตายใจ ยอมใส่เงินเข้ามาใน STRAK
ประชาชนผู้ลงทุนจำนวนหลายหมื่นคนหลงกลกับภาพจำแลง แห่เข้ามาไล่ซื้อหุ้น STARK แต่ล่าสุดเหลือติดค้างถือหุ้นอยู่จำนวน 9,613 ราย ซึ่งทุกคนต้องหมดตัว
ผู้ถือหุ้นกู้จำนวนประมาณ 6 พันราย ใส่เงินรวมกันจำนวนประมาณ 9.1 พันล้านบาท เพราะไม่คิดว่า STRAK จะโกงกันหน้าด้านๆ และต้องย่อยยับ “ติดกับดัก” ไปด้วย
นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 12 ราย สูบเงินรวมกัน 5,580 ล้านบาท จากการร่วมลงขันซื้อหุ้นเพิ่มทุน STARK จำนวน 1,500 ล้านบาท ในราคาหุ้นละ 3.72 บาท
ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ปล่อยเงินกู้ให้ STARK จำนวนประมาณ 9 พันล้านบาท กลายเป็นหนี้สูญ
เงินที่ STARK สูบเข้าไปจากการเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ การออกหุ้นกู้ และขายหุ้นเพิ่มทุน รวมประมาณ 23,000 ล้านบาท แต่เงินทั้งหมด ถูกโยกย้ายผ่องถ่ายเข้ากระเป๋าผู้บริหารบริษัท
มหากาพย์แห่งการโกงของ STARK สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งมโหฬารในตลาดหุ้น ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถูกโจมตีอย่างหนักในความหละหลวม ผิดพลาดในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน และความหย่อนยานในมาตรการปกป้องประชาชนผู้ลงทุน
คดี STARK ปลุกความสนใจของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งเฝ้าจับตาการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บริหารที่ร่วมกันวางแผนปล้นในตลาดหุ้น และปล้นกันดื้อๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หรือกฎแห่งกรรมใดๆ ในการสร้างความวอดวายกับประชาชนจำนวนหลายหมื่นราย
ความผิดในการแต่งบัญชี ฉ้อโกงประชาชนของกลุ่มผู้บริหาร STARK เป็นความผิดร้ายแรง เพราะมีเจตนามาปล้นตั้งแต่แรก ถ้าเทียบกับคดีอาญา เป็นการฆ่าโดยเจตนา โดยมีการวางแผนไว้อย่างดีล่วงหน้า จึงต้องรับโทษหนัก
เพียงแต่ผู้บริหาร STARK ใครบ้างที่จะต้องติดคุก และใครบ้างที่จะหลุดรอดลอยนวลจากกรรมที่ก่อไว้
ประชาชนที่เสียหายจาก STARK คงทำใจไว้แล้ว เงินที่ถูกปล้นไปคงไม่ได้คืน แต่หวังว่าจะได้รับการเยียวยาด้านจิตใจ โดยผู้บริหาร STARK ที่ร่วมกันโกงทั้งหมดจะต้องถูกจับเข้าคุก
แต่นายชนินทร์ เย็นสุดใจ หนึ่งในหัวโจกใหญ่หนีไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะมีหน่วยงานใดตามลากคอกลับมาดำเนินคดี
ส่วนนายวนรัชต์ และอดีตผู้บริหาร STARK อีกหลายคนยังต้องรอลุ้นว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่
แม้นายวนรัชต์ จะออกมาแสดงความรับผิดในคดีแพ่ง โดยประกาศจะนำทรัพย์สินที่มีอยู่เยียวยาผู้ถือหุ้นกู้ และยอมก้มหน้ารับชะตากรรม แต่ไม่ได้เป็นบทสรุปว่า จะพ้นความรับผิดทางอาญา
ประชาชนที่เสียหายจาก STARK ทุกวันนี้ยังเคลื่อนไหว รวมตัวกันเรียกร้องให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างตรงมา ไม่มีข้อละเว้นกับผู้กระทำผิดคนใด เพราะไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม
ไม่มั่นใจว่าจะมีหน่วยงานใดจงใจปล่อยให้โจรที่ปล้นเงินประชาชนลอยนวลหรือไม่ เช่นเดียวกับคดี “บอส กระทิงแดง” หรือคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต
คดีหุ้น STARK จะเป็นอีก 1 ในคดีเทวดา โดยผู้กระทำผิดร้ายแรง ฉ้อโกงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น สุดท้ายแล้วไม่ต้องติดคุกหรือไม่
ผู้ลงทุนหลายหมื่นคนที่เสียหายเพราะถูกผู้บริหาร STARK ร่วมกันโกง กำลังเฝ้าจับตาด้วยใจระทึก
เพราะเหมือนมีลางสังหรณ์ว่า ตัวการใหญ่ๆใน STRAK ที่ร่วมกันวางแผนปล้นตลาดหุ้น จะหลุดรอด