ตลาดหุ้นประเดิมรับเดือนกุมภาพันธ์เดือนที่ 2 ของปี 2567 ด้วยปรากฏการณ์ที่สร้างความหวังนักลงทุนอีกครั้ง โดยนักลงทุนต่างชาติกลับไม่ไล่ซื้อหุ้นกว่า 2 พันล้านบาท และพลิกดัชนีที่กำลังทรุดลงสู่แนวรับ 1,350 จุด ฟื้นขึ้นมาบวกกว่า 3 จุด
ตลอดเดือนมกราคมที่ผ่านมา หุ้นตกอยู่ในภาวะซบเซา แม้เปิดตลาดรับศักราชใหม่เมื่อวันที่ 2 มกราคม บรรยากาศการซื้อขายจะคึกคัก โดยต่างชาติกลับมาไล่ซื้อหุ้น 1,256.46 ล้านบาท ผลักดันให้ดัชนีพุ่งขึ้น 17.53 จุด แต่หลังจากนั้นหุ้นปักหัวลง และต่างชาติเทขายหุ้นต่อเนื่อง
รวมยอดขายหุ้นสะสมของต่างชาติในเดือนมกราคม มีจำนวนทั้งสิ้น 30,874.10 ล้านบาท กดให้ดัชนีทรุดลง 49.33 จุด จากจุดปิดสิ้นปี 2566 ที่ระดับ 1,413.85 จุด ลงมาปิดที่ 1,364.52 จุด เมื่อวันที่ 31 มกราคม
ปี 2566 ต่างชาติเทขายหุ้นทั้งสิ้น 1.69 แสนล้านบาท และฉุดให้ดัชนีร่วงลงตลอดทั้งปี 252 จุด หรือ 15.15%
แต่เดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว ต่างชาติทุบขายไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท และไม่มีสัญญาณการกลับมาซื้อใหม่ ขณะที่แรงซื้อในประเทศอ่อนล้า เหลือแต่นักลงทุนในประเทศเท่านั้นที่สู้ตาย ปักหลักซื้อหุ้นสวนแรงขายต่างชาติ
นักลงทุนรายย่อยในประเทศพ่ายแพ้การสู้รบกับต่างชาติในกระดานหุ้นมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพราะยิ่งเข้ามาซื้อ หุ้นยิ่งลง จนติดหุ้นกันระนาว ท่ามกลางการเฝ้าจับตาว่า
รายย่อยในประเทศจะหมดแรง หมดเงิน และถอดใจ โยนผ้ายอมแพ้ต่างชาติเมื่อไหร่
เพราะประเมินแล้วต่างชาติขายหุ้นไม่เลิก
แต่ท่ามกลางความสิ้นหวังของนักลงทุนในประเทศ ท่ามกลางแนวโน้มตลาดหุ้นขาลงเต็มตัว จนประเมินกันไว้แล้วว่าขาลงรอบนี้ดัชนีคงหลุด 1,350 จุดแน่ๆ
และช่วงแรกของการซื้อขายเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีปักหัวลงต่อ โดยลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,357.39 จุด ใกล้จุดต่ำสุดในรอบก่อนที่ระดับ 1,356 จุด แต่หลังจากนั้นดัชนีเริ่มดีดกลับ จนปิดการซื้อขายที่ระดับ 1ป367.96 จุด เพิ่มขึ้น 3.44 จุด
อัศวินขี่ม้าขาวที่เข้ามาช่วยดึงดัชนีให้โงหัวขึ้นคือ นักลงทุนต่างชาติ โดยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่รายเดียว จำนวน 2,080.16 ล้านบาท
หุ้นถูกฉุดขึ้นจากเหวลึก พร้อมกับความหวังการกลับมาของต่างชาติ ซึ่งยังไม่อาจประเมินได้ว่าต่างชาติจะกลับมาจริง ซื้อหุ้นต่อเนื่อง หรือกลับมาเพียงชั่วครู่ชั่วยามในระยะสั้นๆ
เพราะเมื่อต้นปีต่างชาติได้กลับมาซื้อ สร้างความหวังให้นักลงทุนในประเทศ แต่หลังจากนั้นขายไม่เลิก และเพิ่งกลับมาซื้อใหม่ ซึ่งยอดซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นยอดซื้อหุ้นจำนวนสูงที่สุดในปีนี้
คำถามคือต่างชาติจะซื้อหนักๆ ต่อไปหรือไม่
การที่ต่างชาติเทขายหุ้นมาตั้งแต่ปี 2566 มีเหตุผลที่หยิบยกมาสนับสนุนได้ เพราะตลาดหุ้นไทยเจอมรสุมข่าวร้ายกระหน่ำ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก เศรษฐกิจตกต่ำ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มชะลอตัว
การเทขายหุ้นตลอดปี 2566 ต่างชาติตัดสินใจไม่ผิด เพราะผลตอบแทนของตลาดหุ้นติดลบกว่า 15%
แต่การที่ต่างชาติจะขนเงินกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นรอบใหม่ยังไม่สามารถหาเหตุผลสนับสนุนได้ชัดเจน และถ้าคิดเข้าข้างตัวเอง อาจเหมาเอาว่า
ราคาหุ้นในกระดานลงมาต่ำมาก จนสร้างแรงจูงใจให้ฝรั่งกลับมาช้อนซื้อหุ้นคืน
ส่วนเหตุผลสนับสนุนอื่นไม่มีสักเท่าไหร่ เพราะบางหน่วยงานเตรียมปรับลดเป้า ประมาณการจีดีพี หรืออัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศลง สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจปีนี้อาจโตต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งไม่ใช่ข่าวดีของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นจำนวนกว่า 2 พันล้านบาท ถือเป็นการซื้อที่มีนัยสำคัญ โดยมุมมองต่างชาติอาจเปลี่ยนไป และมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยด้วยสายตาที่ดีขึ้น ซึ่งหมายถึง การซื้ออาจเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ถ้าต่างชาติกลับมาจริง ดัชนีหุ้นคงพุ่งขึ้นต่อ แต่ต้องระวังการกลับมาหลอกๆ โดยกลับมาซื้อเพียงวันหรือสองวัน ก่อนจะเทขายต่อ
นักลงทุนรายย่อยจึงอย่าทุ่มความคาดหวังการกลับมาของต่างชาติมากเกินไป เพียงแต่จับตาความเคลื่อนไหวอย่างเกาะติดไว้เท่านั้น พร้อมกับความคาดหวังเล็กๆ
ต่างชาติกลับตลาดหุ้นไทยจริง และหุ้นคงมีโอกาสวิ่งกันเตลิดเปิดเปิง