กูรูหุ้นโบรกเกอร์หลายสำนักเริ่มประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นปีหน้า และตั้งความคาดหวังว่า บรรยากาศการลงทุนจะฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญส่วนหนึ่งคือ การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ
แต่การไหลกลับของเงินทุนต่างชาติยังเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เช่นเดียวกับปีนี้ เพราะต่างชาติไม่ยอมกลับมา และเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง จนคาดว่ายอดเทขายหุ้นอาจทะลุ 200,000 ล้านบาท
ในปีนี้มีเพียงเดือนเดียวที่ต่างชาติซื้อหุ้นหนัก จำนวนกว่า 20,000 ล้านบาท และทำให้ราคาหุ้นปรับตัวอย่างคึกคักเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นเทขายหุ้นมาตลอด ไม่ว่าภาวะตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือปรับฐานลงก็ตาม
ปี 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิรวม 1.98 แสนล้านบาท แต่ปีนี้หันมาระบายหุ้นทิ้ง จนมียอดขายสะสมสิ้นสุดวันที่ 7 ธันวาคมรวมทั้งสิ้น 1.96 แสนล้านบาท
หุ้นที่ต่างชาติซ้อสะสมมาตลอดปี 2565 ถูกขนออกมาเทขายในปี 2566 และเมื่อหักลบกันแล้ว ต่างชาติมีหุ้นที่ซื้อในปี 2565 เหลืออีกเพียง 2,000 ล้านบาท ขณะที่การซื้อขายหุ้นปีนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งคงประเมินได้ว่า
ปีนี้ต่างชาติถล่มขายหุ้นมากกว่าที่ซื้อไว้ในปี 2565 และเป็นการขายขาดทุน เพราะสิ้นปี 2565 ดัชนีหุ้นปิดที่ระดับ 1668 จุด ล่าสุดดัชนีลงมาปิดที่ 1,378 จุด ลดลง 290 จุด หรือลดลง 17.38%
ตลาดหุ้นไทยที่ทรุดลง 17.38% ทำให้กลายเป็นแชมป์ตลาดหุ้นที่ย่ำแย่ที่สุดประจำปี 2566 ไม่มีมาตรการกระตุ้น หรือกอบกู้วิกฤตใดๆ จากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การที่ต่างชาติปักหลักเทขายหุ้นไม่เลิก แม้ต้องขายขาดทุนก็ตาม สะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2566 เลวร้ายมาก และมองมาตั้งแต่ต้นปี จึงทยอยลดน้ำหนักการลงทุนมาตลาด
และมาถึงวันนี้พิสูจน์ชัดว่า ต่างชาติคิดถูก ชิงขายหุ้นทิ้งในจังหวะที่ยังขายได้ราคาดี ส่วนนักลงทุนรายย่อยซึ่งเข้าไปรับหุ้นตลอด ซื้อสะสมหุ้นในทุกสถานการณ์ กลายเป็นผู้บาดเจ็บหนักที่สุด แบกหุ้นปีนี้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.2 แสนล้านบาท
รวม 6 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นสะสมรวมกว่า 5 แสนล้านบาท ต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงไว้ พอร์ตส่วนใหญ่ติดดอยถ้วนหน้า
ปีหน้ายังไม่มีสัญญาณการกลับมาของต่างชาติ มีเพียงความคาดหวังที่ขาดเหตุผลสนับสนุน จนสร้างความมั่นใจว่า ต่างชาติจะกลับมาจริงๆ เสียที
การมาหรือไม่มา การกลับหรือไม่กลับของต่างชาติมีผลต่อชะตากรรมตลาดหุ้นไทยปี 2567 โดยตรง ถ้าต่างชาติขนเงินกลับมาซื้อหุ้น ดัชนีอาจเบนหัวขึ้น จะวิ่งขึ้นไปที่ระดับใดไม่สำคัญ แต่ขอให้กระเตื้องขึ้นจากปีนี้ก็พอ
แต่ถ้าต่างชาติไม่กลับ และขายหุ้นต่อเนื่องจากปีนี้ ถึงจะขายน้อยลงสักครึ่งหรือขายระดับ 1 แสนล้านบาท หุ้นไทยคงจบเห่ เอวัง เพราะนักลงทุนรายย่อยคงทนรั้งสถานการณ์ไม่ไหว แบกรับการขาดทุนต่อไปไม่ได้ จนเกิดการถอยทัพออกจากตลาดหุ้นครั้งใหญ่
ปี 2566 นักลงทุนบางส่วนเริ่มถอยทัพออกจากตลาดหุ้นบางแล้ว และถ้าสังเกตสัดส่วนการซื้อขายนักลงทุนรายย่อยจะลดเหลือต่ำกว่า 30% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นทั้งตลาด จากต้นปีที่มีสัดส่วนการซื้อขายกว่า 30%
แสดงว่ามูลค่าการซื้อขายของรายย่อยกำลังหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจเป็นผลพวงจากการโจมตีของโปรแกรมเทรดหรือ ROBOT
การที่รัฐบาลสนับสนุนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้จะมีเงินไหลเข้ากองทุนประมาณ 10,000 ล้านบาทนั้น คงไม่พอยาไส้ตลาดหุ้นที่กำลังขาดแคลนแรงซื้ออย่างหนัก
ถ้านักลงทุนรายย่อยล้มหายตายจาก ถ้าต่างชาติยังไม่ยอมกลับมา ปีหน้าตลาดหุ้นไทยอาจเงียบสงัด วังเวงยิ่งกว่าปีนี้
รัฐบาลเศรษฐา ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ จะวางแผนรับมือความตกต่ำของตลาดหุ้นปีหน้าอย่างไรถ้าต่างชาติไม่กลับมา