สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้รายงานสรุปการประเมินแนวโน้มหุ้นสิ้นปี 2566 จากฝ่ายวิเคราะห์ โบรกเกอร์ 26 แห่ง ซึ่งให้ค่าเฉลี่ยเป้าหมายดัชนีหุ้นอยู่ที่ 1,606 จุด แต่เป็นเป้าหมายที่สวนทางกับสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้
ตลาดหุ้นยังจมปลักอยู่ในความซบเซาอย่างหนัก ดัชนีดิ่งลงเหว สร้างจุดต่ำสุดใหม่เป็นรายวัน และไม่มีสัญญาณฟื้นตัวกลับในระยะสั้น
แนวรับทางเทคนิคของดัชนีถูกทำลายจนพังราบ และมองกันว่าการปรับตัวลงครั้งใหญ่รอบนี้ อาจได้เห็นดัชนีฯถอยรูดไปแค่ระดับ 1,400 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดใหม่ในรอบกว่า 3 ปี นับจากวิกฤตโควิด
ข่าวร้ายกระหน่ำใส่ตลาดหุ้นไม่ขาดสาย ตั้งแต่วิกฤตเงินเฟ้อ ซึ่งกดดันให้ทุกประเทศต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อปลายเดือนกันยายนอีก 0.25% เป็น 2.50% ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องขยายขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม
ผลตอบทานจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้เงินไหลกลับสู่ตลาดเงิน เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรหรือเงินฝากจูงใจมากขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงต่ำ เงินที่เคยถูกโยกมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้น จึงถูกโยกออกไป ซึ่งเห็นชัดจากการที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกต่อเนื่องนับจากต้นปี จนมียอดขายหุ้นสะสมประมาณ 1.62 แสนล้านบาท
และวันอังคารที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา เทขายหนัก 4,440.48 ล้านบาท ฉุดดัชนีรูดลง 22.16 จุด และปิดจุด่ำสุดใหม่ในรอบ 3 ปีที่ 1,447.30 จุด
ค่าเงินบาทที่อ่อนยวบแตะ 37 บาทต่อดอลลาร์ เป็นปัจจัยซ้ำเติมตลาดหุ้น เพราะกระตุ้นการเทขายหุ้น และแม้แต่ตลาดหุ้นกู้ก็ระส่ำระสาย ต่างชาติถล่มขายพันธบัตรรัฐบาล แลกบาทกลับเป็นดอลลาร์ และขนกลับบ้าน
ภาวะเศรษฐกิจในประเทศซบเซาขนาดหนัก ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งต้องแบกต้นทุนทางกาเงินที่สูงขึ้น ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และยังต้องเผชิญกับกำลังซื้อที่ตกต่ำ
ช่วงโค้งสุดท้ายหรือไตรมาสที่ 4 ของตลาดหุ้นไทยไม่มีสัญญาณข่าวดีใดๆ มีแต่ปัจจัยลบที่ครอบงำรอบด้าน และหมดหวังที่จะเห็นการกลับมาของต่างชาติ จนฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์บางสำนักเริ่มสะท้อนมุมมองในเชิงลบออกมาแล้ว โดยมองว่าสิ้นปีนี้ดัชนีหุ้นจะปิดฉากลงที่ระดับ 1,470 จุด
ปี 2566 จะเป็นอีกปีทีนักลงทุนรายย่อยขาดทุนป่นปี้ เพราะเป็นผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ เก็บสะสมหุ้นมาตั้งแต่ต้นปีกว่า 109,289 ล้านบาท
ผู้ซื้อในตลาดหุ้นทยอยล้มตาย กำลังซื้อนักลงทุนในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสถาบัน พอร์ตโบรกเกอร์ หรือแม้แต่นักลงทุนรายย่อยอ่อนล้าเต็มที การขายของนักลงทุนต่างชาติเพียงน้อยนิดมีสิทธิกดให้ดัชนีไหลรูดลงแรงได้
แม้ว่าหุ้นจะลงมาลึกสุดกู่ แต่ยังมีโอกาสลงได้อีก จนไม่อาจคาดหมายถึงจุดต่ำสุด นอกจากปล่อยให้ราคาหุ้นซึมซับข่าวร้าย หรือความคาดหมายแนวโน้มในเชิงลบด้านเศรษฐกิจจนสะเด็ดน้ำ
หลังจากนั้นตลาดหุ้นคงเริ่มตั้งหลักได้ รอปัจจัยในเชิงบวกเข้ามากระตุ้นเพื่อฟื้นตัวใหม่
เพียงแต่ไม่อาจประเมินได้ว่าจุดเลวร้ายสุดของตลาดหุ้นในโค้งสุดท้ายปีนี้จะจบลงที่ดัชนีระดับใดเท่านั้น แนวรับถัดไปที่ 1,400 จุดจะเอาอยู่หรือไม่
เป้าหมายดัชนีฯปลายปีที่ 1,606 จุด ที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ห่างไกลออกไปทุกที
และความคาดหวังของนักลงทุนส่วนใหญ่ ปิดฉากปี 2566 ถ้าได้เห็นดัชนียืนเหนือ 1,500 จุด คงเป็นบุญตาแล้ว