xs
xsm
sm
md
lg

กูรู ให้น้ำหนักหุ้นแบงก์มากกว่าตลาด ชู BBL-KTB เด่น รับ กนง.ขึ้น ดบ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกเกอร์ มองกลุ่มแบงก์รับอานิสงส์เต็มๆ หลัง กนง. ขึ้นดอกเบี้่ย พร้อมให้น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาด เชียร์ BBL - KTB เป็น Top pick โดยเฉพาะ BBL ที่มีคุณภาพสินทรัพย์แกร่งกว่ากลุ่ม ขณะที่กลุ่มนอนแบงก์ ชี้ได้รับผลกระทบเล็กน้อยเหตุราคาลงมามาก และสะท้อนข่าวดบ.ขาขึ้นมานานแล้ว เชียร์ TIDLOR-SAWAD

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 2.50% ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว

ASPS ชู BBL จากคุณภาพสินทรัพย์แกร่งกว่ากลุ่ม

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เอเซียพลัส ระบุว่า กนง. มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อีก 0.25% มาที่ 2.5% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย เข้าสู่จุดเหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวตามมุมมองของ กนง. ภาพดังกล่าวบวกทันทีต่อเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร (Interbank) ดีต่อ BBL, KTB

ขณะที่ฝั่งดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อยังต้องจับตามองการตอบสนองจากกลุ่มฯ หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบก่อนหน้า ยังไม่มี ธ.พ. ใดขึ้น M-RATE ทั้งนี้ กรณีที่มีการเพิ่ม M-RATE มองว่า MLR ที่คิดกับลูกค้ารายใหญ่ น่าจะถูกปรับขึ้นในอัตราสูงกว่า MRR ที่คิดกับ SME และรายย่อย ซึ่งศักยภาพในการชำระหนี้ยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยรวมบวกต่อ BBL ที่มีสัดส่วนสินเชื่อรายใหญ่มากสุดในกลุ่มฯ

โดยการลงทุนสำหรับกลุ่มธนาคาร เลือก BBL จากคุณภาพสินทรัพย์แกร่งกว่ากลุ่ม ฯ และคาดรับประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่ากลุ่มฯ ส่วน ธ.พ. เล็ก แม้เสียเปรียบ ธ.พ. ใหญ่ ยามดอกเบี้ยขาขึ้น แต่มีจุดเด่นจากอัตราเงินปันผลสูง ยังชอบ TISCO ที่ให้สูงสุดในกลุ่มฯ มากกว่า KKP

นอกจากนี้มุมมองในเชิงกลยุทธ์ ภายใต้การกลับเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ ผสานกับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย น่าจะสร้างความคึกคักให้กับ KBANK ที่ราคาผ่านการปรับฐานเป็นอันดับต้นของกลุ่ม ธ.พ. ใหญ่ ราว 15.6% YTD (SET INDEX – 10.3% YTD)

ชี้กลุ่มไฟแนนซ์ ราคาหุ้นปรับฐาน สะท้อนข่าวไปแล้ว

ส่วนผลกระทบต่อกลุ่มนอน-แบงก์ (Non – Bank) (เฉพาะ MTC, SAWAD, TIDLOR) กรณีที่ธนาคารมีการปรับขึ้น M-Rate และ Bond Yield ยืนในระดับสูง ในทางพื้นฐานส่งผลให้แนวโน้มต้นทุนทางการเงิน (Cost of fund : COF) ของกลุ่มสูงขึ้นในระยะถัดไป ซึ่งโครงสร้างหนี้สินที่มีดอกเบี้ยอายุ 1 ปี ณ สิ้นงวด Q2/66 เฉลี่ยอยู่ที่ 38% ของภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย (หนี้กับสถาบันการเงินประมาณ 21% ของภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย)

โดยช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของไทยช่วง ครึ่งปีหลัง 65 พบว่า COF กลุ่มฯ งวด Q2/66 อยู่ที่ประมาณ 3.3% VS 3.0% งวด Q2/65 ตรงข้ามกับฝั่งดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อคงที่ (กรณีมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นจะส่งผลเฉพาะสัญญาฉบับใหม่) ด้านคุณภาพสินทรัพย์กลุ่มฯ มองว่ายังอยู่ในวัฎจักรขาขึ้นของ NPL

อย่างไรก็ดีราคาหุ้นกลุ่มจำนำทะเบียน ตั้งแต่ Bond yield ไทยปรับตัวขึ้นช่วง ก.ย. 66 ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มฯ มีการปรับฐานพอสมควร และ YTD ให้ผลตอบแทนติดลบทุกตัว น่าจะสะท้อนปัจจัยข้างต้นบางส่วนแล้ว

ให้คำแนะนำ Outperform ต่อ TIDLOR(FV ปี 2566 @B26) เพราะราคาหุ้น YTD ลดลง 20.3% มากกว่า MTC และ SAWAD ลบ 3.3% และ 10.8% YTD ตามลำดับประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR ในเชิง Coverage ratio สูงสุดในกลุ่มฯ ที่266% ขณะที่ MTC (Neutral) ราคาหุ้นที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาเทียบ FV ปี 2567 ที่ 40 บาท (FV ปี 2565 @B35) มี Upside เปิดกว้างขึ้น

ดาโอ คงน้ำหนักกลุ่มแบงก์มากกว่าตลาด แนะนำ BBL-KTB

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในการรปรับขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา และคาดว่าหลังจากนี้ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยระดับนี้ไปจนถึงปี 67 ส่งผลบวกต่อธนาคารขนาดใหญ่ เรียงจากมาก-น้อยคือ BBL, KTB, KBANK และ SCB

โดยยังคงน้ำหนักกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก BBL (ซื้อ/เป้า 195.00 บาท), KTB (ซื้อ/เป้า 24.00 บาท) เป็น Top pick

อย่างไรก็ดี มองลบเล็กน้อย สำหรับกลุ่ม Finance เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบนี้เป็นไปตามที่คาดว่าจะเป็นจุดสิ้นสุด ทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่ม Finance ยังเป็นไปตามคาด ไม่มี downside เพิ่มเติมอย่างมีนัย

ทั้งนี้กลุ่ม Finance ยังคงน้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” จากความคาดหวังต่อผลการดำเนินงานที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q3/66 จาก NPL credit cost ที่เพิ่มขึ้น ก่อนที่จะเริ่มดีขึ้นใน Q4/66 โดยมี Top pick เป็น SAWAD (ซื้อ/เป้า 62.00 บาท)


กำลังโหลดความคิดเห็น