หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัว +8.33 จุด โบรกฯเผยนักลงทุนคาดหวังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว และ BoE คงอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ ประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวรับที่ 1,520-1,515 จุด และแนวต้านที่ 1,530 จุด ชี้ดัชนีอาจมีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ในกรอบอัปไซด์จำกัด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 22 กันยายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.33 จุด หรือ +0.55% โดยปิดตลาดที่ 1,522.59 จุด มูลค่าซื้อขาย 57,160.61 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีฟื้นตัวปรับขึ้นต่อ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,527.14 จุด ในทิศทางกลับกันที่ลดลดงต่ำสุด 1,509.66 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 238 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 214 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 194 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,327.89 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +347.86 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,304.84 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -370.91 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 8,332.6 ล้านบาท ปิดที่ 103.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,002.7 ล้านบาท ปิดที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,882.4 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
4.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,496.7 ล้านบาท ปิดที่ 228.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
5.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,869.5 ล้านบาท ปิดที่ 26.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 265.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00บาท หรือ 2.71%
2.ADVANC ปิดที่ 228.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 2.70%
3.SCC ปิดที่ 310.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 1.31%
4.DELTA ปิดที่ 107.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 2.87%
5.PTTGC ปิดที่ 35.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 5.19%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCB ปิดที่ 103.50 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ 4.61%
2.KKP ปิดที่ 54.75 บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 1.79%
3.KBANK ปิดที่ 126.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.79%
4.CPALL ปิดที่ 61.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.81%
5.PSL ปิดที่ 9.70 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 3.96%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,080.66 จุด เพิ่มขึ้น 13.97 จุด หรือ 0.68% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 933.69 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ 0.67% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 471.50 จุด เพิ่มขึ้น 2.67 จุด หรือ 0.57%
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเป็นวันที่ 2 รับ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นในภูมิภาค จากความหวังต่อเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่เมื่อคืนนี้ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เซอร์ไพรส์ตลาด โดยการคงอัตราดอกเบี้ย สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ
"ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ในระหว่างวันแตะ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รับปัจจัยหนุนจากรัสเซียระงับการส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลไปตลาดทั่วโลกเป็นการชั่วคราว หุ้นสื่อสาร จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว และยังได้อานิสงส์จาก iPhone 15 เปิดขายวันแรก รวมถึงการคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงปลายปี" น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มในสัปดาห์หน้าคาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ และมีอัปไซด์จำกัด จากยังมีปัจจัยกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) ที่ปรับตัวขึ้นมา ความกังวลต่อกำไรไตรมาส 3/66 ในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังวันนี้ หุ้น SCB โดนแรงเทขายจากโบรกเกอร์ต่างประเทศดาวน์เกรด อีกทั้งแนะติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยปัจจุบันตลาดยังมอง 50:50 ว่าจะคงดอกเบี้ยหรือปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงการเปิดเผยตัวเลขส่งออกของไทย คาดจะติดลบน้อยลงจากค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยมองกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,520-1,515 จุด และแนวต้านที่ 1,530 จุด
