xs
xsm
sm
md
lg

แรงซื้อเข้าหุ้นกลุ่มค้าปลีก-พลังงาน-ไฟฟ้า หนุนหุ้นไทยปิด +6.36 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาด +6.36 จุด นักวิเคราะห์เผยมีแรงซื้อเข้าหุ้นกลุ่ม ค้าปลีก-พลังงาน-ไฟฟ้า ช่วยหนุนตลาด หลังรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ โดยให้ ปตท.ลดค่าก๊าซและ กฟผ.เว้นเก็บหนี้ มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ออกข้าง โดยประเมินแนวรับที่ 1,500 จุด และแนวต้านที่ 1,525 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 21 กันยายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +6.36 จุด หรือ +0.42% โดยปิดตลาดที่ 1,514.26 จุด มูลค่าซื้อขาย 42,367.61 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวรีบาวด์ขึ้นมาทางเทคนิค โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,517.37 จุด ในทิศทางตรงกันข้ามที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,503.23 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 304 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 191 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 150 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +637.32 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +438.82 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -915.00 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -161.15 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 3,452.33 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,011.67 ล้านบาท ปิดที่ 108.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,425.78 ล้านบาท ปิดที่ 33.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,196.81 ล้านบาท ปิดที่ 70.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
5.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,130.30 ล้านบาท ปิดที่ 104.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
 
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่306.00บาท เพิ่มขึ้น 3.00บาทหรือ 0.99%
2.MEGA ปิดที่45.75บาท เพิ่มขึ้น 1.75บาทหรือ 3.98%
3.SCGP ปิดที่40.50บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาทหรือ 3.85%
4.GULF ปิดที่46.75บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาทหรือ 2.19%
5.GPSC ปิดที่48.25บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาทหรือ 2.12%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BBL ปิดที่ 165.00 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 0.90%
2.DELTA ปิดที่ 104.50 บาท ลดลง 1.50บาทหรือ 1.42%
3.SCB ปิดที่108.50 บาท ลดลง 1.50บาทหรือ 1.36%
4.KBANK ปิดที่127.00 บาท ลดลง 1.00บาทหรือ 0.78%
5. OSP ปิดที่26.75 บาท ลดลง 0.50บาทหรือ 1.83%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,066.69 จุด เพิ่มขึ้น 8.14 จุด หรือ 0.40% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 927.52 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด หรือ 0.36% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 468.83 จุด เพิ่มขึ้น 2.88 จุด หรือ 0.62%

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ทางเทคนิค หลังวานนี้ปรับตัวลงแรง โดยมีการซื้อกลับเข้ามาในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ทั้ง กลุ่มค้าปลีก, พลังงาน และโรงไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล จากการให้ บมจ.ปตท. (PTT) ปรับลดค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บจากกิจการผลิตไฟฟ้าแต่เดิมกำหนดไว้ 323.37 บาทต่อล้านบีทียู เป็น ไม่เกิน 304.79 บาทต่อล้านบีทียู รวมถึงให้การไฟฟ้าส่วนผลิต (กฟผ.) เว้นเก็บหนี้คงค้าง

อย่างไรก็ตามแม้จะปรับตัวขึ้นมา แต่ภาพโดยรวมยังมองเป็นลบ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีก 1 ครั้ง ผลักดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) ของสหรัฐปรับตัวขึ้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐกว้างมากขึ้น

"แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดฯ แกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง โดยให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คืนนี้ คาดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% และ Sentiment บวกจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยประเมินกรอบการลงทุนดัชนีหุ้นไทย แนวรับที่ 1,500 จุด และแนวต้านที่ 1,525 จุด" น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น