ตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะเงียบเหงามาก มูลค่าซื้อขายเบาบางระดับ 3.7 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะวันพุธที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มูลค่าซื้อขายลดวูบเหลือเพียง 3.4 หมื่นล้านบาท
แต่ท่ามกลางบรรยากาศซื้อขายหุ้นที่ซบเซา ได้เกิดปรากฏการณ์ที่สวนทางกัน เพราะหุ้นขนาดเล็กนับสิบตัวทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง
นานเต็มทีแล้วที่ไม่ได้เห็นหุ้นพุ่งชนเพดานสูงสุด 30% ในวันเดียวหลายตัว แต่วันพุธที่ผ่านมา มีหุ้นที่ราคาพุ่งแรงชนเพดาน หรือชนซิลลิ่งประมาณ 5 บริษัท ทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาด MAI โดยไม่จำเป็นต้องหยิบยกว่ามีหุ้นอะไรบ้าง
และมีหุ้นที่ราคาพุ่งเกิน 10% นับสิบตัว ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาตา
ตั้งแต่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการทำ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขาย การเรียกร้องให้ตรวจสอบการทำ NAKED SHORT หรือการขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ
และการขอให้ยกเลิกโปรแกรมเทรด หรือ ROBOT
หุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กเหมือนตายสนิท มูลค่าการซื้อขายหด ราคาหุ้นทรุด นักลงทุนรายใหญ่ถอย เจ้ามือยกธงขาว เจ้าของหุ้นถอดใจ รายย่อยไม่กล้าเล่น
ทุกคนไม่ว่ารายย่อยหรือรายใหญ่ยอมศิโรราบให้ ROBOT หมด เพราะเสียจนสู้ไม่ไหว แม้แต่เจ้าของหุ้นถูกทุบขายจนกลัว โดยไม่รู้ว่า ROBOT ขนหุ้นจากไหนมาขาย นอกจากลงความเห็นว่า น่าจะมีการเล่นนอกกติกา โดยการทำ NAKED SHORT
แต่หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้ตรวจสอบรายการ SHORT SELL NAKED SHORT และ ROBOT โดยตลาดหลักทรัพย์ออกมาขานรับ และตั้งทีมงานตรวจสอบพิเศษ
พุ่งเป้าไปที่การทำ NAKED SHORT โดยโบรกเกอร์ที่รับคำสั่งขายจะต้องแสดงหลักฐานการมีอยู่จริงของหุ้นที่ลูกค้าสั่งขาย และจะเกาะติด ROBOT อย่างเข้มงวด
การใช้มาตรการกำกับการทำ NAKED SHORT และตามสอดส่อง ROROT แทบไม่ให้กระดิก ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า
ต่อจากนี้ การทุบขายหุ้นทั้งที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือ คงทำได้ลำบาก คำสั่งขายหุ้นที่ไร้ขีดจำกัดจาก ROBOT น่าจะไม่มีอีกแล้ว
เจ้าของหุ้น เจ้ามือ หรือนักลงทุนขาใหญ่จึงอาจทยอยกลับสู่ตลาด เปิดปฏิบัติการดูแลหุ้นตัวเอง และปฏิบัติการลากหุ้น ยั่วยวนให้นักลงทุนรายย่อยแห่เข้ามาเก็งกำไร
แม้ว่าหุ้นขนาดเล็กอีกหลายสิบบริษัทยังซึมอยู่ แต่เมื่อหุ้นขนาดเล็กหลายตัวเริ่มฟื้นคืนชีพ ราคาพุ่งทะยานชนเพดาน ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาตาขึ้น อีกไม่นานหุ้นขนาดเล็กจะกลับมาสร้างสีสันให้ตลาด
และคงอีกไม่นาน บรรยากาศความคึกคักการเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กจะกลับมาอย่างเต็มรูปแบบ
ใครที่ติดอยู่บนยอดดอยหุ้นตัวเล็กเตรียมตัวลุ้นการเก็งกำไรรอบใหม่ได้
ถ้าไม่สามารถเล่นโกงโดยทำ NAKED SHORT ได้ ROBOT คงเหลือเพียงความได้เปรียบในความรวดเร็วของการส่งคำสั่งซื้อขายเท่านั้น
เพราะความได้เปรียบด้านต้นทุนค่านายหน้าซื้อขายที่ต่ำกว่า ก.ล.ต.สั่งให้ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบแล้ว เพราะถ้าต่างชาติที่สั่งซื้อขายหุ้นผ่าน ROBOT ถ้าเป็นนักลงทุนรายย่อยสวมรอยเป็นกองทุนต่างชาติ จะจ่ายค่านายหน้าซื้อขายในอัตราเดียวกับกองทุนไม่ได้
หมายความว่า ต่างชาติที่เป็นนักลงทุนรายบุคคล จะอาศัยต้นทุนที่ต่ำกว่าเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อยในประเทศ และซื้อขายโดยทำกำไรเพียง 1 ช่องหรือ 1 ช่วงราคาเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว
และถ้าจะรุกคืบไปอีกก้าว ถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์บรรลุถึงปัญหาของ ROBOT โดยมีความกล้าหาญในการแก้ไข จะต้องตัดเส้นทางด่วนพิเศษของ ROBOT
ห้ามเชื่อมระบบซื้อขายต่อตรงไปยังระบบตลาดหลักทรัพย์ แต่ต้องส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ เช่นเดียวกับนักลงทุนรายย่อยในประเทศ
คำสังซื้อขายของ ROBOT คงมีความรวดเร็วในระนาบเดียวกันกับนักลงทุนรายย่อยในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างในความได้เปรียบเสียเปรียบ และก่อให้เกิดความเป็นธรรมโดยเท่าเทียมในการส่งคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนทุกกลุ่ม
ประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ROBOT เปิดปฏิบัติการปล้นนักลงทุนในประเทศ ไม่ว่ารายย่อย รายใหญ่ เจ้ามือ และเจ้าของ จนทุกคนหัวหดหมด
และถ้าไม่สกัดกั้น ป้องกัน แก้ปัญหามหาวายร้าย ROBOT ไม่นานนักลงทุนรายย่อยจะสูญหาย ตลาดหุ้นจะกลายเป็นป่าช้า
วันนี้ทุกฝ่ายเห็นภัยของ ROBOT แล้ว และตื่นตัววางมาตรการกำกับที่เข้มงวด กวดขันในทุกพฤติกรรม
เพียงแต่เมื่อจะแก้ผลกระทบจาก ROBOT ทั้งที ต้องแก้ให้สุดๆ แก้ให้จบปัญหาไปเลย
เส้นทางส่งคำสั่งซื้อขายด่วนพิเศษ และทำให้ ROBOT ได้เปรียบ เล่นหุ้นขี่คอนักลงทุนในประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ต้องสั่งปิด