นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (16 พ.ย.) ที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.45 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.70 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงและแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับหลัก 35.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในช่วง 35.42-35.68 บาทต่อดอลลาร์) หลังรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย ขณะเดียวกัน รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกสหรัฐฯ เช่น Target, TJ Max ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ และแม้ว่าภาพดังกล่าวไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดไปจากช่วงหลังรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI อย่างมีนัยสำคัญ แต่ส่งผลให้บรรยากาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ต่อได้ ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวนด์ขึ้นบ้าง ขณะเดียวกัน กดดันให้ราคาทองคำพลิกกลับมาย่อตัวลงสู่โซนแนวรับระยะสั้น ซึ่งผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำบ้างและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ใกล้โซนแนวรับหลัก 35.50 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา โดยในระหว่างวันควรระวังความผันผวนจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีโอกาสหาจังหวะทยอยขายทำกำไรการรีบาวนด์แรงของหุ้นไทยได้บ้าง ขณะที่ฟันด์โฟลว์ในฝั่งตลาดบอนด์อาจยังพอมีโอกาสได้ลุ้นว่านักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าซื้อบอนด์ไทยต่อได้บ้าง นอกจากนี้ ทิศทางราคาทองคำเป็นอีกปัจจัยที่อาจกระทบต่อเงินบาทได้เช่นกัน โดยในกรณีที่ราคาทองคำ สามารถรีบาวนด์ขึ้นจากโซนแนวรับ 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับแนวต้านระยะสั้นใกล้ 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยขายทำกำไรได้ ในทางกลับกัน หากราคาทองคำย่อตัวลงต่อเนื่องหลุดโซนแนวรับดังกล่าว และย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเห็นแรงซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวกลับมาอีกครั้ง กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้บ้าง
ทั้งนี้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับหลัก 35.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ เราประเมินว่าโซนแนวรับถัดไปอาจอยู่ในช่วง 35.30 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง เราประเมินว่า เงินบาทอาจติดโซนแนวต้านแถว 35.80 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับวันนี้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจอาจอยู่ที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ หลังจากที่ในช่วงระยะหลังนี้ ยอดดังกล่าวโดยเฉพาะ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Claims) ได้ปรับตัวสูงขึ้นและออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนภาพการจ้างงานที่ชะลอตัวลงมากขึ้น
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และธนาคารกลางยุโรป (ECB) พร้อมกับรอติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะ Government Shutdown ได้หรือไม่ หลังร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวสามารถผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนได้ พร้อมกันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีก เช่น Walmart, Macy’s, GAP ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพการใช้จ่ายในฝั่งสหรัฐฯ ได้เพิ่มเติมจากรายงานผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกก่อนหน้า