นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (9 พ.ย.) ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.59 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในช่วง 35.50-35.62 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ ก่อนที่เงินบาทจะทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังประธานเฟดไม่ได้กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวมากขึ้น และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนกดดันเงินบาท
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมุมมองเดิมว่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ในกรอบไปก่อน ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ หรือจนกว่าตลาดจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยยังมีความผันผวนดังที่เราได้ประเมินไว้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฟันด์โฟลว์ในฝั่งบอนด์จากนักลงทุนต่างชาติยังคงมีอยู่ตามการย่อตัวลงของบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ และทิศทางเงินบาทที่เริ่มกลับมาเป็นฝั่งแข็งค่า และที่สำคัญ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอาจทำให้บรรดาผู้นำเข้าบางส่วนทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ได้บ้าง อีกทั้งในช่วงนี้ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบต่างปรับตัวลงต่อเนื่อง ทำให้มีโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวจากผู้เล่นในตลาดเพิ่มเติม ซึ่งอาจชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ไม่ยาก
อนึ่ง ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจมากว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า เริ่มตั้งแต่การประชุมเดือนพฤษภาคม ทำให้หากถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองดังกล่าวอาจทำให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่า พร้อมกับกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้
สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟด และ ECB โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ถ้อยแถลงของประธานเฟด (ตลาดจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 2.00 น. ของเช้าวันศุกร์ ตามเวลาประเทศไทย) ที่คาดว่าจะมีการกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟดมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้พอสมควร
และในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ว่าจะเพิ่มสูงขึ้น และสะท้อนภาพการชะลอตัวที่มากขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้หรือไม่