นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 35.25-36.00 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทวันนี้ (6 พ.ย.) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.70 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดที่ 35.54 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 35.71 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 35.41-35.76 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ และดัชนี ISM Services PMI ล่าสุดออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่าเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นและมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงได้ราว -100bps (-1%) นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ยังเกิดขึ้นพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้บ้าง ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหนัก หลังผลการประชุมเฟดล่าสุดและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนพฤษภาคมปีหน้า
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่าควรรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะเฟด พร้อมติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสและพันธมิตร
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง โดยผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าในการทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หรือทำกำไรสถานะ Long THB นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจยังมีทิศทางไม่ชัดเจน โดยการรีบาวนด์ขึ้นของหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรได้บ้าง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติอาจยังเข้าซื้อบอนด์ไทยได้หากอัตราเงินเฟ้อของไทยชะลอลงมากขึ้น หรือบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทรงตัว/ย่อตัวลง
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่าหากตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์แกว่งตัว sideway หรืออ่อนค่าลง ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนจากสถานการณ์สงครามที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่
ด้านแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนตุลาคม โดยเรามองว่า ผลของฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า รวมถึงการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาพลังงานและราคาเนื้อสัตว์จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปหดตัว -0.7%m/m หรือ -0.7%y/y (ตลาดมอง +0.1%y/y) ทั้งนี้ เรามองว่าการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ได้ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่อาจทำให้วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยได้สิ้นสุดลงแล้วที่ระดับ 2.50%